สนช. ถกเข้ม ค้านเพิ่มอำนาจป.ป.ช.ล้วงข้อมูล หวั่นเป็นภัยทางการเมือง

 รัฐสภา 21 ธ.ค.- สนช. ค้านเพิ่มอำนาจป.ป.ช.ล้วงข้อมูลดักฟังโทรศัพท์ หวั่นเป็นภัยทางการเมือง หยิบมาทำลายคู่ต่อสู่ทางการเมืองในอนาคต ขณะที่ กรรมาธิการเสียงข้างมากยืนตามที่เสนอ ยันไม่ได้มุ่งทำร้ายใคร มีกระบวนการตรวจสอบก่อนบังคับใช้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)วันนี้ (21 ธ.ค.) พิจารณาร่างพระพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ที่กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว ซึ่งร่างกฎหมายนี้มี 193 มาตรา กรรมาธิการฯ แก้ไขไป 99 มาตรา เพิ่ม 14 มาตรา และตัดออก 6 มาตรา

สมาชิกสนช.อภิปรายรายมาตราตั้งแต่ในส่วนคำปรารภ ขอให้ตัดมาตรา36ต่อเนื่องไปถึงมาตรา 37 ประเด็นที่กรรมาธิการปรับแก้เพิ่มอำนาจ ให้ กรรมการป.ป.ช. ล้วงข้อมูล ดักฟังโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์สื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ที่ส่อทุจริตโดยเห็นควรให้ทบทวน


นายสมชาย แสวงการ สนช. อภิปรายตั้งแต่คำปรารภ ยกเว้นเรื่องการจำกัดสิทธิเสรีภาพ ต้องไม่ขัดกับหลักรัฐธรรมนูญ และขอให้ตัดตั้งแต่มาตรา 36 ต่อเนื่องมาตรา 37 โดยเฉพาะเรื่อง อำนาจในการตรวจสอบข้อมูล ในกรณีมีเหตุอันควรควรเชื่อได้ว่าข้อความใดที่ส่งทางไปรษณีย์ หรือส่งทางอิเล็กทรอนิกส์เจ้าหน้าที่ป.ป.ช.สามารถขออนุญาตให้ได้มาซึ่งข้อมูลข่าวสารดังกล่าว ซึ่งเป็นการการให้อำนาจในการดักฟัง ดักรับข้อมูล เป็นเสมือนดาบสองคม หากไปอยู่ในมือคนไม่ดี จะเป็นอันตราย ทั้งนี้เห็นว่าในอดีตการทำงานของป.ป.ช.ในคดีสำคัญ ๆ เช่นคดีจำนำข้าว ก็ไม่ได้อำนาจในส่วนนี้ ก็สามารถรวบรวมพยานหลักฐาน และดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ผู้ถูกร้องถูกกล่าวหาว่ากระทำการทุจริต และเจ้าพนักงานไปไต่สวน และกรณีนี้จะเป็นภัยทางการเมืองสำหรับทุกคน 

“หากป.ป.ช.ท่านขออำนาจศาลตรวจสอบนักการเมืองข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เพื่อตรวจสอบเรื่องทุจริต แต่ท่านอาจไปเจอเรื่องอื่นด้วยในการไปดักฟัง ซึ่งข้อเท็จจริงเคยมีการแบล็คเมล์เกิดขึ้นมากมายไปหมด อำนาจนี้จะกลับมาเล่นงานคนที่อยู่ในฝ่ายบริสุทธิืทั้งหมด เพราะแค่สงสัย ก็สามารถร้องขอตรวจสอบได้ ซึ่งจะนำไปสู่ภัยทางการเมืองของทุกคน”นายสมชาย กล่าว 

นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สนช. ขอความชัดเจนก่อนตัดสินใจว่า กรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า และคณะกรรมการต้องขออนุมัติจากอธิบดีศาลอาญา และต้องขอข้อมูลจากป.ป.ง.ใช่หรือไม่ 


พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม  สนช. ตั้งข้อสังเกตว่า หากป.ป.ช.ที่ร่วมเป็นกรรมาธิการลงมติเพิ่มอำนาจเรื่องดังกล่าวจะถือว่า ผลประโยชน์ขัดแย้งต่อการทำหน้าที่ของป.ป.ช.ได้

นายตวง อันทะไชย สนช. อภิปรายโดยยกมาตรา 26 ของรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้การตรากฎหมายต้องไม่มีผลต่อการจำกัดสิทธิเกินควรกว่าเหตุ  เพื่อให้กรรมาธิการทบทวน เพราะเกรงว่าอาจมีการหยิบยกข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทำลายคู่ต่อสู้ทางการเมืองในอนาคต พร้อมกังวลการที่ระบุว่ามีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าทุจริตเป็นเรื่องของการใช้ดุลยพินิจซึ่งสามารถพิจารณาทางหนึ่งทางใด และนำไปสู่การกลั่นแกล้่งทางการเมืองได้ และที่ผ่านมาในเคยมีอดีตนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งใช้กฎหมายลักษณะนี้ ที่เป็นบทบัญญัติในป.ป.ง. มาทำลายกันทางการเมือง

พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ประธานคณะกรรมาธิการฯชี้แจงว่าการเพิ่มมาตราดังกล่าว เพื่อเป็นเครื่องมือในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ที่จะต้องมีหลักฐานอ้างในศาลได้ เพราะแม้ได้ผลมาแล้ว แต่ถ้าไม่มีที่มาที่ไป ศาลก็ไม่รับฟัง ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาทำร้ายใคร และก่อนที่จะมีการดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเหล่านั้นได้ จะต้องขออนุมัติจากศาลก่อน 

นายวิชา มหาคุณ กรรมาธิการเสียงข้างน้อย และอดีตกรรมการป.ป.ช.กล่าวว่า การใช้กฎหมายต่างๆในการตรวจสอบ ล้วนเป็นไปตามสนธิสัญญาการต่อต้านการทุจริต แต่ถ้าให้อำนาจป.ป.ช.มากเกินไปอาจจะกระทบกระเทือนเสถียรภาพขององค์กรได้ และถือเป็นการบั่นทอนอำนาจของรัฐ และประเด็นนี้ถือเป็นประเด็นที่อ่อนไหวที่สุด เพราะที่ประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศหนึ่งที่ดำเนินการในเรื่องการเข้าถึงข้อมูลแบบนี้ และเขียนไว้ในกฎหมายที่ไม่ได้ขออนุญาตศาลและอัยการ เพราะเมื่อข้อมูลไปถึงศาลแล้วหลุด ไม่เป็นที่ไว้วางใจ จึงจะเห็นว่าขนาดองค์กรที่มีอยู่แล้วยังไม่ไว้วางใจองค์กรซึ่งกันและกัน จึงอยากให้พิจารณาด้วยความรอบคอบ ไม่เช่นนั้น “ดาบนั้นจะคืนสนอง”ได้

พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธานป.ป.ช. และกรรมาธิการฯ ชี้แจงว่า การพูดว่าดักฟังทำให้คนหลงประเด็น เพราะสิ่งที่กมธ.เสียงข้างมากเสนอนั้นมีรายละเอียดค่อนข้างมาก ซึ่งป.ป.ช.ไม่ได้จ้องจะไปดักฟังคนอื่น เพราะต้องมีการกล่าวหา ตามบทบัญญัติของกฎหมาย โดยต้องผ่านมติป.ป.ช.ก่อน และต้องส่งความเห็นไปขออธิบดีศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ว่าจะอนุญาตหรือไม่ รวมทั้งต้องเป็นฐานความผิด จะใช้เฉพาะคดีที่สำคัญและกระทบกับอย่างกว้างขวาง ต้องพิจารณาถึงเหตุผลความจำเป็นเท่านั้น หากป.ป.ช.ไม่รอบคอบปล่อยให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินการ ป.ป.ช.จะต้องถูกดำเนินการ เพราะมีบทบัญญัติของการตรวจสอบอำนาจของป.ป.ช.อยู่แล้ว และปัจจุบันมีรัฐภาคีอนุสัญญา UNCAC ที่ได้อนุวัติตามสนธิสัญญาถึง 80 ประเทศที่ใช้วิธีสอบสวนวิธีพิเศษในลักษณะนี้ ซึ่งหากไทยไม่มีบทบัญญัตเช่นนี้ อาจจะถูกประเมินในเรื่องของการป้องกันเรื่องทุจริต และหากถูกประเมินต่ำ ก็จะมีปัญหาตามมา นอกจากนี้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144วรรคท้ายบอกให้ป.ป.ช.สอบสวนทางลับโดยพลัน กรธ.จึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือในการทำงาน

“ถ้าท่านไม่ให้โอกาสเราเข้าสู่ข้อมูลข่าวสาร อย่าพูดว่าดักฟังครับ มันแสลงใจท่านผมและท่านทุกคน มันแค่ไลน์เองครับ แต่มันเป็นสิทธิส่วนบุคคล เราไม่สามารถไปบอกบริษัทซึ่งเป็นผู้ให้บริการเพื่อขอข้อมูลมาตรวจสอบได้ ถ้าไม่มีกฎหมายให้อำนาจ เพราะเขาจะละเมิดสิทธิของท่าน คณะกรรมการป.ป.ช.ไม่มีเจตนารมณ์ใดที่จะไปละเมิดสิทธิของพี่น้องประชาชน แต่เราจะทำทุกวิถีทางเพื่อจะเอาให้คนทุจริต ประพฤติมิชอบกระทำผิดตามฐานกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาดำเนินการ ซึ่งสองปีที่ผ่านมาเราได้เร่งรัดเร่งรีบจนกระทั่งคนลาออกไปหลายคน เพราะสู้งานไม่ไหว กลัวจะบกพร่องและกรอบเวลาที่กรธ.กำหนด เราก็คิด เราก็ทำ เราออกระเบียบก่อนด้วยซ้ำ แต่ท่านไม่ใช่คนปฏิบัติ จึงไม่ค่อยเข้าใจ เราจึงต้องชี้แจงเหตุผล ถ้าท่านไม่ให้โอกาสวันนี้ แล้วให้ป.ป.ช.ทำงานเหมือนเดิม แต่บอกว่าเป็นมิติใหม่ ผมก็อยากจะฟังว่ามาตรา 144 ที่ให้สอบสวนทางลับโดยพลัน หลายความว่าอย่างไร”พล.ต.อ.วัชรพล กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกยังคงมีการอภิรายในประเด็นนี้กันอย่างกว้างขวาง และมีข้อเสนอให้กรรมาธิการเสียงข้างมาก นำมาตรานี้ ไปปรับปรุงแก้ไข เพื่อไม่ให้กระทบกับสิทธิของประชาชน ประธานในที่ประชุมจึงสั่งพักการประชุม 10 นาที หลังจากนั้นประธานได้แจ้งว่า ระหว่างพักการประชุม ได้มีการหารือกันระหว่างกรรมาธิการเสียงข้างมาก กรรมาธิการเสียงข้างน้อย และวิป สนช. แต่กรรมาธิการเสียงข้างมาก ยังคงยืนยันที่จะคงบทบัญญัติดังกล่าวไว้ และขอชี้แจงในข้อสงสัยที่สมาชิกอภิปรายมาและยังไม่ได้ตอบบางส่วน จึงเห็นว่าให้เลื่อนการประชุมไปประชุมต่อพรุ่งนี้ 09.00 น..-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Satellite images show wake of destruction of wildfires burning across California

เปิดปัจจัยที่ทำให้ไฟป่าแอลเอไหม้ลามหนัก

มีหลายปัจจัยที่ทำให้ไฟป่าในเทศมณฑลลอสแอนเจลิสหรือแอลเอ (LA) ในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐไหม้ลามเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นวิกฤตไฟป่าครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศ

รู้ตัวคนไทยพลัดตกตึกสูงฝั่งปอยเปต พบไม่ได้ถูกจับโยนลงมา

รู้ตัวคนไทยพลัดตกตึกสูง 18 ชั้น ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เบื้องต้นพบไม่ได้ถูกจับโยนลงมา และอาคารดังกล่าวถูกระบุเป็นฐานบัญชาการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีคนไทยถูกหลอกไปทำงานที่นี่จำนวนมาก

Palisades Fire

สหรัฐสั่งอพยพกว่าแสนคนหนีไฟป่า 6 จุดในแคลิฟอร์เนีย

ลอสแอนเจลิส 9 ม.ค.- สหรัฐสั่งอพยพประชาชนมากกว่า 100,000 คน เนื่องจากจำนวนไฟป่าที่โหมไหม้ในเทศมณฑลลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนียเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 6 จุดแล้ว เพราะกระแสลมแรงเทียบเท่าเฮอริเคนและสภาพอากาศแล้ง เจ้าหน้าที่เผยว่า ในจำนวนไฟป่าทั้ง 6 จุด มีอยู่ 4 จุดที่ยังไม่สามารถควบคุมได้เลย ไฟป่าจุดแรก คือ พาลิเซดส์ไฟร์ (Palisades Fire) เกิดขึ้นช่วงเช้าวันที่ 7 มกราคมตามเวลาท้องถิ่นใกล้แปซิฟิก พาลิเซดส์ ซึ่งเป็นย่านที่พักอาศัยทางตะวันตกเฉียงเหนือของเทศมณฑล ต้นเพลิงมาจากไฟไหม้พุ่มไม้ที่โหมไหม้จนเกินควบคุมเพราะกระแสลมแรง ต้องอพยพคนอย่างน้อย 30,000 คน ไฟป่าจุดที่ 2 คือ อีตันไฟร์ (Eton Fire) เกิดขึ้นในเย็นวันเดียวกันที่หุบเขาอีตันแคนยอน เผาไหม้พื้นที่ขยายวงกว้างมากพอ ๆ กับไฟป่าจุดแรก ไฟป่าจุดที่ 3 คือ เฮิร์ตส์ไฟร์ (Hurst Fire) เกิดขึ้นกลางดึกวันเดียวกันในย่านซิลมาร์ของนครลอสแอนเจลิส จากนั้นในเช้าวันที่ 8 มกราคมเกิดไฟป่าจุดที่ 4 คือ วูดลีไฟร์ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ เผยไม่มีคนไทยบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุไฟป่าแอลเอ

นายกฯ เผย ไม่มีคนไทยได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต จากเหตุไฟป่าที่แอลเอ มีเพียงร้านอาหารไทยที่ได้รับความเสียหาย สั่ง กงสุลเปิดศูนย์ช่วยเหลือคนไทย

“เฉิน” ตัวการสำคัญฉกเงินคนจีนในไทย บงการอยู่ต่างประเทศ

คดีคนจีนหลอกฉกเงินคนจีน รวมมูลค่า 13 ล้านบาท ตำรวจตามไปพบรถคันก่อเหตุ และยึดเงินคืนมาได้ แต่ “อาเฉิน” ตัวการสำคัญ หนีออกนอกประเทศไปแล้ว

ทำเนียบฯ เตรียมสถานที่ต้อนรับเด็กและเยาวชน ร่วมงานวันเด็กแห่งชาติ 2568

ทำเนียบรัฐบาล จัดเต็ม เตรียมสถานที่ต้อนรับเด็กและเยาวชน ร่วมงานวันเด็กแห่งชาติ2568 เปิดหน้าทำงาน-นั่งเก้าอี้ นายกรัฐมนตรี สวมบทบาทโฆษกรัฐบาล “นิวส์จิ๋ว” อ่านข่าวภาคภาษาไทย และอังกฤษ พบขบวนมาสคอต “หมูเด้ง” และผองเพื่อน