“เฉิน” ตัวการสำคัญฉกเงินคนจีนในไทย บงการอยู่ต่างประเทศ

10 ม.ค. – คดีคนจีนหลอกฉกเงินคนจีน รวมมูลค่า 13 ล้านบาท ตำรวจตามไปพบรถคันก่อเหตุ และยึดเงินคืนมาได้ แต่ “อาเฉิน” ตัวการสำคัญ หนีออกนอกประเทศไปแล้ว

พันตำรวจเอกประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผู้กำกับการ สน.ห้วยขวาง เปิดเผยความคืบหน้าคดีจีนหลอกจีน ที่เมื่อวานช่วงเย็นเกิดเหตุขึ้น 2 เคสในเวลาไล่เลี่ยกัน เหตุแรกเป็นการวิ่งราวทรัพย์ ที่ผู้เสียหายชาวจีน 1 คน นำเงิน 5 ล้านบาทใส่กระเป๋าเพื่อไปแลกเหรียญคริปโต ในซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 12 เขตห้วยขวาง แต่สุดท้ายถูกชาย 3 คน ซึ่งเป็นชาวจีน 2 คน คนไทย 1 คน ฉกกระเป๋าใส่เงินหนีขึ้นรถตู้อัลพาร์ดสีขาวไป โดยอ้างว่าได้โอนเหรียญคริปโตให้แล้ว ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีการโอนให้จริง

เคสนี้ผู้เสียหายพยายามเรียกวิน จยย.ให้ขี่ตาม แต่ไล่ไม่ทัน ส่วนตำรวจหลังได้ข้อมูลจากผู้เสียหาย ว่ากระเป๋าที่คนร้ายฉกไป มีมือถืออยู่ในนั้นด้วย จึงแกะรอยจนพบพิกัดว่ารถจอดอยู่บริเวณสวนสุขภาพแต้จิ๋ว เขตสาทร เมื่อชุดสืบตามไปพบรถ และตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบชายใส่เสื้อสีขาว 2 คน ลงจากรถ และเดินเข้าไปในบ้านที่มีชื่อเป็นเจ้าของรถซึ่งเป็นคนจีน ตำรวจจึงปิดล้อมตรวจค้น กระทั่งพบเงินของกลาง 5 ล้าน แต่เนื่องจากไม่พบกลุ่มผู้ก่อเหตุ ทำให้วันนี้เตรียมตรวจสอบหลักฐานอย่างละเอียด และออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดมาดำเนินคดี

ส่วนอีกเคส เกิดขึ้นที่อาคารแห่งหนึ่งย่านพระราม 9 พฤติการณ์คล้ายกัน คือ ผู้เสียหาย 2 คนนำเงิน 8 ล้านบาทมาแลกเหรียญคริปโตกับชาวจีน 4 คน ขณะเจรจา ผู้ก่อเหตุอ้างว่าโอนเหรียญคริปโตไปเข้าบัญชีคนกลางคนกลางที่นัดให้ 2 ฝ่าย มาเจอกันแม้ผู้เสียหายยืนยันว่ายังไม่ได้รับ แต่ผู้ก่อเหตุไม่สนใจ เอาเงินสด 8 ล้านบาทหนีไป

เคสนี้ เมื่อผู้เสียหายเข้าแจ้งความ ตำรวจพบว่า ตัวการที่แท้จริงในการก่อเหตุคือนายเฉิน เจ้าของบัญชีคนกลางที่นัดหมายทั้ง 2 ฝ่ายให้มาเจอกัน และล่าสุดตำรวจสามารถตามเงินของกลาง 8 ล้านบาทคืนมาได้แล้ว แต่กำลังขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้องยกแก๊ง เนื่องจาก 2 เคสนี้ ตรวจสอบพบว่ามีนายเฉิน เป็นคนกลางทั้งคู่ โดยเคสแรกผู้เสียหาย ยอมรับ เคยให้นายเฉินเป็นคนกลางแลกเปลี่ยนเงินสดกับคริปโตมาแล้ว 3-4 ครั้ง แต่ไม่เคยเจอปัญหาแบบนี้มาก่อน ขณะที่ตำรวจบอกว่าการไล่ไทม์ไลน์ และตรวจสอบไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่า นายเฉินหนีออกนอกประเทศไปแล้ว

ทั้งนี้ ผู้กำกับการ สน.ห้วยขวาง ยังย้ำว่า เงินสดที่เอามาแลกเปลี่ยนคริปโตของผู้เสียหาย ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเงินจากการทำธุรกิจสีเทา หรือธุรกิจใดหรือไม่ ขอเวลาในการตรวจสอบ และวันนี้พิสูจน์หลักฐานจะเข้าตรวจสอบรถตู้อัลพาร์ดที่ใช้ ฉกเงิน 5 ล้านอีกครั้ง เพราะเมื่อคืน ยังไม่สามารถเปิดรถได้ ส่วนนายเฉินที่เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว เชื่อว่าบงการอยู่ที่มาเก๊า.-สำนักข่าวไทย