กระทรวงการต่างประเทศ 7 ธ.ค.-โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เผยความคืบหน้ากรณีหญิงไทย 2 คนถูกจับที่สนามบินนาริตะ ข้อหามียาเสพติดประเภทโคเคนและพยายามนำเข้าประเทศญี่ปุ่น ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนตามขั้นตอนทางกฎหมายญี่ปุ่น เตือนนักท่องเที่ยวไทยไม่ควรรับฝากสิ่งของจากคนไม่รู้จัก
น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยความคืบหน้ากรณีที่มีหญิงไทย 2 คนถูกจับที่สนามบินนาริตะในข้อหามียาเสพติดประเภทโคเคนและพยายามนำเข้าประเทศญี่ปุ่น ว่า ขณะนี้ตำรวจญี่ปุ่นกำลังสืบสวนสอบสวนตามขั้นตอนทางกฎหมายญี่ปุ่น (จับกุม-ฝากขัง-สอบสวน-รวบรวมข้อมูล-ยื่นฟ้องศาล-ตัดสินคดี) หากศาลตัดสินว่ามีความผิด หญิงไทยทั้ง 2 คนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 30 ล้านเยน หรือ 8,700,000 บาท ซึ่งโทษจำคุกอาจเพิ่มอีกตามประเภทยาเสพติด หลังจากรับโทษแล้วจะถูกเนรเทศ ทั้งนี้ยังไมได้รับการติดต่อจากทางการญี่ปุ่นว่าหญิงไทยทั้ง 2 คนต้องการความช่วยเหลือในด้านกงสุลไทยหรือไม่
“กระทรวงการต่างประเทศขอเตือนว่าการลักลอบนำยาเสพติดเข้าประเทศญี่ปุ่น มีโทษรุนแรง และอาจส่งผลกระทบต่อการเข้าประเทศญี่ปุ่นของตนเอง นักท่องเที่ยว และบริษัทนำเที่ยวอื่น ๆ ในอนาคต สำหรับนักท่องเที่ยว ขอเตือนอีกครั้งว่าไม่ควรรับฝากของจากคนไม่รู้จัก และเราไม่รู้ว่าสิ่งของที่รับฝากคืออะไร ส่วนผู้ที่เดินทางไปทำงาน ขอให้ศึกษาสัญญาว่าจ้างให้ละเอียดว่ามีส่วนใดเกี่ยวข้องกับการทำผิดกฎหมายหรือไม่” น.ส.บุษฎี กล่าว
น.ส.บุษฎี กล่าวด้วยว่า ส่วนแนวทางการให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ตกทุกข์ได้ยากในต่างประเทศนั้น กระทรวงการต่างประเทศ สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลพร้อมให้ความช่วยเหลือคนไทยทุกคนโดยไม่เลือกปฏิบัติ หากต้องการกลับประเทศแต่ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเดินทางกลับ ทางสถานทูตและสถานกงสุลยินดีทดรองจ่ายให้ก่อน โดยผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือต้องเซ็นยอมรับสภาพหนี้ เพื่อใช้คืนภายหลัง ทั้งนี้ สามารถติดต่อกระทรวงการต่างประเทศได้ที่ ไลน์ไอดี Thaiconsular แอพพลิเคชั่น Thai Consular และ คอลเซนเตอร์ 02-5728442 ตลอด 24 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย