บิ๊กซีจัดโครงการ “ธุรกิจไทยโตไปด้วยกัน” เพิ่มช่องทางขายเอสเอ็มอี

ปทุมธานี 3 ต.ค.-บิ๊กซีจับมือกระทรวงพาณิชย์จัดทำโครงการ “ธุรกิจไทยโตไปด้วยกัน” หวังเพิ่มช่องทางให้สินค้าเอสเอ็มอีไทยมีพื้นที่ขายผ่านห้างทั่วประเทศและดันขายต่างประเทศ


นายอัศวิน เตซะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากบิ๊กซี่ได้ลงนาม MOU กับทาง 5 หน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่จะดึงกลุ่มสินค้าชุมชนจากทั่วประเทศให้เข้ามาจำหน่ายภายในห้างบิ๊กซีและบิ๊กซี มินิ รวมกว่า 700 สาขาทั่วประเทศ และจะเชื่อมโยงไปยังสาขาในต่างประเทศ เช่น ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย ซึ่งมีเป้าหมายที่จะผลักดันสินค้าไทยไปขยายตัวในสาขาต่างประเทศเหล่านี้ ด้วย โดยจะได้รับสิทธิไม่เสียค่าธรรมเนียมแรกเข้านั้น ซึ่งในวันนี้ ( 3 ต.ค.) ทางผู้บริหารของห้างและผู้บริหารของกระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกันเปิดงานมหกรรม “Big C Big Success ธุรกิจไทย โตไปด้วยกัน” โดยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จะได้พบปะและ นำเสนอสินค้า รวมถึงออกบูทภายในงาน ระหว่างวันที่ 3-5 ตุลาคมนี้ ที่ห้างบิ๊กซี สาขารังสิต 2 เพื่อให้ผู้ค้ารายย่อยเข้าถึงช่องทางการตลาด และลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ

ทั้งนี้ ทางบิ๊กซีและ 5 หน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ ประกอบด้วย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมการค้าต่างประเทศ กรมการค้าภายใน กรมทรัพย์สินทางปัญญา และ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ  ที่ได้ลงนามความร่วมมือภายใต้โครงการ “ธุรกิจไทยโตไปด้วยกัน” มีจุดประสงค์หลักเพื่อสนับสนุน และให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี และวิสาหกิจชุมชน ที่มีการผลิตสินค้าภายในท้องถิ่น ทั้งสินค้า OTOP สินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาตร์ หรือ สินค้า GI  หรือสินค้าของ SME ที่มีแหล่งผลิตจากในพื้นที่ ที่มีคุณภาพ ได้มีช่องทางในการจัดจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น 


ในเบื้องต้นจะร่วมมือกันเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการ ที่อยู่ในความดูแล และได้รับการพัฒนาศักยภาพจากโครงการต่างๆ ใน 6 กลุ่มสินค้า ได้แก่ กลุ่มอาหารสด กลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภค กลุ่มเสื้อผ้า กลุ่มสินค้าตกแต่งบ้าน กลุ่มพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้า และกลุ่มสตาร์ทอัพ  และได้ตั้งเป้าหมาย จะมีผู้ประกอบการ เข้าโครงการนี้มากกว่า 1,000 ราย และทางห้างมีแผนที่จะขยายสาขาไปกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านในหลายประเทศ ซึ่งจะเน้นสร้างเป็นสาขาใหญ่ใช้เงินลงทุนแต่ละสาขานับร้อยล้านบาท ดังนั้น เป็นสิ่งที่ไทยจะนำสินค้าไทยที่มีคุณภาพสูงเข้าไปเจาะและขยายตลาดในประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างแน่นอน

ด้านนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานคณะกรรมการ บริษัทบิ๊กซีกล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ห้างบิ๊กซีได้ร่วมกับทางกระทรวงพาณิชย์ที่จะร่วมมือกันนำทีมมาช่วยเหลือให้ผู้ค้ารายย่อยเดินไปด้วยกัน ซึ่งทางเอกชนพร้อมที่จะช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ค้าไทยมีความแข่งแกร่งและพร้อมที่จะร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ทุกด้านอย่างเต็มที .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง