กทม. 17 ม.ค.-รมว.กต. เผยผลหารือร่วม รมว.กต.ซาอุฯ ครั้งประวัติศาสตร์ ส่งเสริมความสัมพันธ์-ความร่วมมือทุกมิติ-ดันการค้ากว่า 3.5 พันล้านดอลลาร์
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังได้ต้อนรับ เจ้าชายไฟซาล บิน ฟาร์ฮาน อัล ซะอูด (His Highness Prince Faisal bin Farhan Al Saud) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ในโอกาสเสด็จเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมสภาความร่วมมือซาอุดีอาระเบีย-ไทย (Saudi–Thai Coordination Council Meeting: STCC) ว่า มีความรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง และการประชุมสภาความร่วมมือซาอุดีอาระเบีย-ไทย ยังเป็นการจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ด้วย
นายมาริษ ระบุว่า สภาความร่วมมือซาอุดีอาระเบีย-ไทย เป็นกลไกที่ครอบคลุมความร่วมมือใน 5 มิติ ได้แก่ การเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ การลงทุน และวัฒนธรรม และการประชุมครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากผลการหารือระหว่างนายเศรษฐา ทวีสิน ครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กับเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอาซิซ อัล ซะอูด (His Royal Highness Prince Mohammed bin Salman bin Abdulaziz Al Saud) มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ เมื่อปี 2566 และการประชุมครั้งนี้ เกี่ยวกับข้อริเริ่มความร่วมมือระหว่างกันกว่า 70 โครงการ ซึ่งครอบคลุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 70 หน่วยงาน ภายใต้คณะกรรมการทั้ง 5 คณะ โดยตนได้เน้นย้ำถึงความตั้งใจของไทย ในการร่วมกันจัดลำดับความสำคัญและประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิด เพื่อผลักดันข้อริเริ่มเหล่านี้ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม อันจะส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างทั้งสองประเทศในทุกมิติ นับตั้งแต่การฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างกัน ความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะด้านการค้าและการลงทุนได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะในภาคสำคัญต่าง ๆ ซึ่งรวมถึง การบริการ เศรษฐกิจสีเขียว และเกษตรกรรม คิดเป็นมูลค่าการค้ารวมทั้งสิ้น 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ยังได้รับอนุมัติให้ออกใบรับรองตราฮาลาล สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ไปยังซาอุดีอาระเบีย ซึ่งจะปัจจุบันเป็นตลาดสำคัญที่มีมูลค่ามากกว่า 40 ล้านบาท และยังมีแผนร่วมกันส่งเสริมการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษระหว่าง 2 ประเทศด้วย
นายมาริษ ยังย้ำว่า การประชุมครั้งสำคัญนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดีอาระเบีย และประเทศไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น อันจะนำมาซึ่งผลประโยชน์อันเป็นรูปธรรมร่วมกันต่อไปในอนาคต.-312.-สำนักข่าวไทย