ทำเนียบ 22 พ.ย.-นายกฯ ยิ้มรับ ศาล รธน. ยกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง ยกใช้ธรรมะ ดีใจ-เสียใจต้องมีสติ ชี้ไม่เกี่ยวลดแรงกระเพื่อมเป็นเกาะป้องรัฐบาล ยันต้องเดินหน้าการเมืองมั่นคงมีเสถียรภาพ
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ2 ไม่รับคำร้องทั้ง 6 ประเด็น ของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษตร ที่ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้ สิทธิ หรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย
โดยนายกรัฐมนตรี ได้อ่านเอกสารของศาลรัฐธรรมนูญจากคณะทำงาน และเมื่อเห็นมติ นายกรัฐมนตรี “ได้ยิ้ม” ก่อนจะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าสบายใจขึ้นหรือไม่ภายหลังรับทราบผลคำวินิจฉัย ว่า ดีค่ะ และที่จริงก่อนหน้านี้ก็เป็นข่าวดีตลอดเวลา อันนี้ถือว่าเป็นข่าวดีก็ดีใจ
เมื่อถามว่าจากนี้นายกรัฐมนตรีจะเดินหน้า ทำงาน และนโยบายต่างๆ ต่อไปใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แน่นอนไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ก็ต้องทำงานต่อไปข้างหน้าอยู่แล้ว เพราะต้องแบ่งเรื่องให้ได้ เรื่องของประเทศชาติก็ต้องรับผิดชอบ ส่วนเรื่องคุณพ่อเราก็ให้กำลังใจ
เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะสะท้อนให้เห็นว่า นายกฯมีภูมิคุ้มกันทางการเมืองดีกว่า นายกคนอื่นๆ หรือไม่ นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ภูมิคุ้มกันทุกคนก็คงมี แต่ภูมิคุ้มกันแบบนี้ต้องใช้พลังใจเยอะหน่อย เราก็พยายามมีสติ โดยยึดหลักธรรมะ เวลาเวลาดีใจก็ดีใจอย่างมีสติ เสียใจก็เสียใจอย่างมีสติ และที่เห็นเวลานี้ก็พยายามมีสติ
ส่วนผลการวินิฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จะทำให้ลดแรงกระเพื่อมหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน นายทักษิณ เป็นพ่อของนายกฯคนปัจจุบัน แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวกันเพราะการ เมืองต้องเดินหน้ากันต่อไป รัฐบาลทำงานต่อไป ในส่วนของคุณพ่อก็จะเห็นว่าสิ่งที่เขาทำ ไม่ใช่สิ่งที่ถูกฟ้องร้อง ทำให้ทุกคนที่ให้กำลังใจท่านอยู่ คงจะรู้สึกโอเคขึ้นและนิ่งขึ้น
เมื่อถามย้ำว่า ผลตรงนี้จะสะท้อนถึงเสถียรภาพของรัฐบาล ตาม ที่นายกฯเคยกล่าวไว้ว่าถ้ารัฐบาลมั่นคงต่างชาติก็จะมั่นใจมากขึ้น นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ใช่ค่ะ ตรงนี้คือสิ่งจำเป็น เราเข้าใจว่าการเมืองสามารถแสดงความเห็นได้ทุกอย่าง เพราะเราเป็นสาธารณะ เขาสามารถแสดงความเห็นได้ แต่เราจะทำอย่างไรที่จะให้รัฐบาล ทำงานให้จบ 4 ปี เพื่อให้นโยบายเสร็จสมบูรณ์และมีความมั่นคง เพื่อไม่ให้ต่างชาติเข้าใจว่า ประเทศไทยถ้าจะอยู่ครบ 4 ปีเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่เราอยากให้รู้ว่า ไม่ว่าจะเลือกตั้งได้ใคร เปลี่ยนรัฐบาลใหม่ ได้คนใหม่มา ตั้งรัฐบาลได้เสร็จก็จะมีอายุการทำงาน 4 ปี ตามระบบควรจะเป็นอย่างนั้นและให้ทั่วโลกเข้าใจตรงกัน เพราะนักลงทุนเขาจะต้องคิดว่าเมื่อมาลงทุนในช่วงเวลา 2 ปีนี้มีความชัวร์ ก็เหมือนกับการเช่าร้าน ที่ต่อสัญญาปีต่อปี เราจะต่อสัญญาหรือไม่ต้องรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า ดังนั้นความมั่นคงและเสถียรภาพของรัฐบาลมีความจำเป็นมาก.-316.-สำนักข่าวไทย