“พริษฐ์” หารือประธานศาล รธน. ชัดทำประชามติแก้ รธน. 2 ครั้ง

ศาลรัฐธรรมนูญ 21 พ.ย. – “พริษฐ์” เผยหารือประธานศาล รธน. ได้คำตอบชัดทำประชามติแก้ รธน. 2 ครั้ง เร่งหารือประธานสภาฯ พุธหน้า หวังทบทวน ปัดตอบ “ชูศักดิ์” เสนอตีความ พ.ร.บ.ประชามติ เป็นกฎหมายการเงินจะได้ไม่ต้องรอ 180 วัน มั่นใจถ้ายึดโรดแมปทำประชามติ 2 ครั้ง กรอบ 180 วันไม่เป็นปัญหา


นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าร่วมหารือกับประธานศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมแบบไม่เป็นทางการความเห็นที่ออกมา จึงไม่ใช่ความเห็นที่เป็นทางการของศาลรัฐธรรมนูญ และไม่ได้พบกับตุลาการทั้งคณะ แต่พบกับประธานศาลรัฐธรรมนูญ และผู้เข้าร่วมประชุม สิ่งที่พูดคุยกัน จึงเป็นความเห็นของผู้เข้าร่วมประชุม ไม่ใช่ความเห็นของทั้งองค์คณะ โดยจัดการหารือพบว่าเราได้มีการทบทวนคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 ซึ่งระบุไว้ชัดไว้ในย่อหน้าสุดท้ายว่ามีการพูดถึงประชามติ 2 ครั้ง คือ 1 ครั้งก่อนและ 1 ครั้งหลัง การหารือกันของความหมายดังกล่าวก็ไม่ได้มีการแสดงความเห็นว่าจะมีความจำเป็นที่จะต้องทำประชามติถึง 3 ครั้ง

ส่วนการทำประชามติทั้งก่อน และหน้าหลัง ขั้นตอนจะเป็นเช่นไรเป็นสิ่งที่ทางรัฐสภาต้องตัดสินใจร่วมกัน แต่ข้อเสนอที่พรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทย เคยพูดมาก่อนหน้านี้ คือให้ทำประชามติ 2 ครั้งโดยใช้วิธีการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เข้าไป หากผ่าน 3 วาระ ของรัฐสภาแล้วก็จะต้องมีการทำประชามติครั้งแรก เพื่อถามว่าประชาชนเห็นชอบกับแนวทางดังกล่าวหรือไม่ ก่อนจะมีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว จึงทำประชามติครั้งที่ 2 เพื่อถามว่าประชาชนจะเห็นชอบกับเนื้อหาที่ถูกจัดทำมาในฉบับใหม่หรือไม่ ซึ่งจากการหารือก็ดูแล้วเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 ดังนั้นก็จะนำแนวทางนี้ไปหารือกันประธานรัฐสภาในวันพุธหน้า (27 พ.ย.) เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยหวังว่าประธานรัฐสภาจะได้มีการทบทวนและบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเพิ่มหมวด 15/1 เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาก็จะเป็นโอกาสที่ดีที่ทำให้มีการพิจารณามุมมองต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และถ้าหากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านความเห็นชอบจากทางรัฐสภามาได้ ก็จะมีการจัดทำประชามติหลังจากที่ผ่านวาระที่ 3


เมื่อถามว่าผลการหารือในครั้งนี้ทำให้มั่นใจมากขึ้นหรือไม่ หากมีผู้นำเรื่องกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญมายื่นให้ศาลรัฐธรรมนูวินิจฉัย การวินิจฉัยก็จะเป็นคุณมากกว่าโทษ นายพริษฐ์ กล่าวว่า อย่างที่บอกว่าการหารือไม่มีใครแสดงความคิดเห็น ว่าจำเป็นต้องทำประชามติ 3 ครั้ง คำวินิจฉัยที่ 4/2564 ก็พูดถึงการทำประชามติแค่ 2 ครั้ง แต่ 2 ครั้งจะเกิดขึ้นตอนไหน อย่างที่บอกว่าพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย เสนอไปก็สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จึงคิดว่าผลของการหารือดังกล่าวจะนำไปสู่การพูดคุยกับทางสภาให้ทบทวนและบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็คิดว่าทางรัฐสภาก็จะเดินหน้าพิจารณาได้ แต่แน่นอนว่าเป็นสิทธิบางกลุ่มอาจจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นเราจะไปคาดการณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์คำวินิจฉัยที่จะออกมาคงไม่ได้ แต่ก็เชื่อว่าผลที่ออกมาจะยืนยันว่าสิ่งที่เราเสนอนั้นไม่ได้ขัดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564

เมื่อถามว่า นอกจากเรื่องดังกล่าวได้มีการหาถึงเรื่องอื่นๆที่ยังติดใจอยู่หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า สิ่งที่หารือเป็นหลักคือคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 และคิดว่าการที่ได้รับความชัดเจนในเรื่องนี้เป็นปัจจัยที่สำคัญ ในการที่จะทำให้เราสามารถจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ทำต่อการเลือกตั้งครั้งถัดไป

ส่วนที่มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่สภาจะเสนอให้มีการตีความว่ากฎหมายประชามติเข้าข่ายเป็นกฎหมายการเงิน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องรอ 180 วัน ตามที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เสนอ นายพริษฐ์ กล่าวว่า คงต้องไปดูในรายละเอียด ตนยังไม่ทราบรายละเอียดที่นายชูศักดิ์ เสนอ จึงขอไม่ให้ความเห็น แต่ถ้ามีการเสนอพรรคประชาชน ในฐานะพรรคการเมืองในสภาก็ต้องมีความเห็นในเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ในภาพรวมขณะนี้หลายคนก็กังวลใจว่า เมื่อข้อสรุปของกรรมาธิการร่วมฯ เห็นชอบร่างของ สว. เมื่อส่งกลับมาที่ สส. สภาผู้แทนฯ อาจยืนยันในหลักการเดิม คือใช้เสียงข้างมากหนึ่งชั้น ถ้าหากเป็นเช่นนั้นร่าง พ.ร.บ.ประชามติ จะต้องถูกชะลอไป 180 วัน ซึ่งถ้าจะยึดตามแผนเดิมให้มีประชามติ 3 ครั้ง และจะไม่จัดครั้งแรก จนกว่า พ.ร.บ.ประชามติ จะแก้ไขเสร็จสิ้น แน่นอนว่าก็จะกระทบต่อกรอบเวลาแต่ถ้าผลสรุปที่ได้จากวันนี้สามารถทำให้เราโน้มน้าวทุกฝ่าย หันมาใช้โร๊ดแมปในการทำประชามติ 2 ครั้ง ก็คิดว่า พ.ร.บ.ประชามติ จะไม่กระทบต่อไทม์ไลน์ดังกล่าว เพราะถ้าเราทำประชามติ 2 ครั้งขั้นตอนแรกไม่ใช่เป็นการจัดทำประชามติเลย แต่เป็นรัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับ สสร. และการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ใน 3 วาระของรัฐสภา ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในระดับหนึ่ง แต่หากเราดำเนินการตามขั้นตอนแบบนี้ 6 เดือนที่ชะลอไปก็คงจะไม่กระทบไทม์ไลน์ตรงนี้ พูดง่ายๆ คือถ้าเราไม่อยากให้ ให้ความล่าช้าของ พ.ร.บ.ประชามติเป็นปัญหา ก็หันมาใช้กลไกหรือโรดแมปประชามติ 2 ครั้งก็น่าจะเป็นทางออกที่ดี.-314-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”