จับสึกแล้วพระแกล้งพิการเดินเรี่ยไรเงิน-เช็กประวัติพบคดีเพียบ

กรุงเทพฯ 10 พ.ย. – รวบแล้วชายแต่งกายคล้ายพระสงฆ์แกล้งพิการเดินเรี่ยไรเงินย่านหน้าห้างดัง ตำรวจ สน.พญาไท จึงพาตัวไปลาสิกขาเพื่อให้พ้นสภาพจากการเป็นพระภิกษุ ที่โรงพยาบาลสงฆ์ ตรวจสอบประวัติพบถูกจับมาแล้ว 6 ครั้ง


คลิปนาทีเจ้าหน้าที่ สน.พญาไท นำตัวชายแต่งกายคล้ายพระสงฆ์ เดินเรี่ยไรเงินอยู่บริเวณเขตพญาไท ไปทำการลาสิกขา แต่ระหว่างนั้นชายที่อ้างว่าเป็นพระโต้เถียงกับพระสงฆ์ที่ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลสงฆ์ ถึงการกระทำของตนว่าตนทำถูกแล้ว ไม่ได้ทำผิดอะไรเกี่ยวกับข้อห้ามของสงฆ์

วันนี้ (10 พ.ย.) ช่วงเวลา 07.20 น. เจ้าหน้าที่ สน.พญาไท รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่ามีชายแต่งกายคล้ายพระสงฆ์ เดินเรี่ยไรเงินอยู่บริเวณท้ายซอยเพชรบุรี 19 แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร จึงไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่สายตรวจ พบนายนิพนธ์ อายุ 65 ปี เดินเรี่ยไรเงินพร้อมเปิดเครื่องเสียง ลักษณะท่าเดินคล้ายคนพิการ พร้อมทั้งแต่งกายคล้ายพระสงฆ์ เจ้าหน้าที่จึงเรียกให้หยุดและขอตรวจสอบ


จากการสอบสวน นายนิพนธ์ ยอมรับว่าเดินเรี่ยไรเงินจริง แต่แลกกับการที่ได้เผยแผ่พระพุทธศาสนา แต่เจ้าหน้าที่ได้แจ้งกับนายนิพนธ์ ว่าการกระทำเรี่ยไร่เงินดังกล่าวไม่เหมาะสม เพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์ จึงเชิญตัวขึ้นรถมายัง สน.พญาไท เพื่อตรวจสอบข้อมูลจึงทราบว่านายนิพนธ์ เคยบวชเป็นพระที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.หนองบัวลำภู อีกทั้งยังให้การวกไปวนมา ด่าทอตำรวจ และไม่ยอมรับการกระทำดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงพาตัวไปลาสิกขา เพื่อให้พ้นสภาพจากการเป็นพระภิกษุ ที่โรงพยาบาลสงฆ์

จากนั้นนำตัวมายัง สน.พญาไท เพื่อลงบันทึกจับกุมในข้อหา “ก่อความเดือดร้อนรำคาญฯ” พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีในข้อหา “แต่งกายหรือใช้เครื่องหมายที่แสดงว่าเป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวชในศาสนาใดโดยมิชอบ” ก่อนเสียค่าปรับ 100 บาท และปล่อยตัวไป

จากการตรวจสอบประวัติ นายนิพนธ์เดิมมีอาชีพทำเกษตรกรรมอยู่ที่ จ.สระบุรี และบวชเป็นพระที่วัดใน จ.หนองบัวลำภู และเดินทางมาเรี่ยไรเงินอยู่ที่ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ อยู่พักใหญ่ โดยใช้ไม้เท้า 2 ข้าง เดินเหมือนพระพิการ เพื่อให้ผู้คนสงสาร บางครั้งจะนั่งกับพื้น เอาบาตรวางเหมือนขอทาน


แต่ด้วยชุดเครื่องแบบพระและพฤติกรรมเป็นพระพิการ ทำให้หาเงินได้อย่างดี จนนายนิพนธ์ต้องกลับไปบวชอีกครั้งเมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา แล้วเดินทางเข้ามาเรี่ยไรเงินในกรุงเทพฯ ในพื้นที่เขตพญาไท กระทั่งมีพลเมืองดีแจ้งเข้ามา และพบว่านายนิพนธ์เคยถูกจับกุมในข้อหานี้มาแล้วถึง 6 ครั้ง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”