8 ก.ย. – พนักงานไอทีสาว วอนเยียวยา หลังหมอวินิจฉัยโรคผิด ฉีดยาแก้แพ้จนมองไม่เห็น สุดท้ายย้ายโรงพยาบาล ฟันธงเป็นโรค “สตีเวนส์จอห์นสัน ระดับ10” พบเพียง 6 ใน 1 ล้านคนเท่านั้น
นางสาวศศินันท์ อายุ 31 ปี พร้อมสามี เดินทางมาขอความช่วยเหลือจากเพจสายไหมต้องรอด กรณีไปรักษาอาการตาแดงและเจ็บคอกับโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง แต่หมอวินิจฉัยโรคผิด ฉีดยาแก้แพ้ให้เธอถึง 3 ครั้ง จนเกิดอาการแพ้ยารุนแรง ต้องส่งตัวเข้าห้องไอซียู นอนรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลนาน 3 เดือน หมอให้กลับบ้านได้ แต่ต้องมาทนทุกข์กับสภาพใบหน้าที่เสียโฉม ตามองไม่เห็นใกล้บอดทั้ง 2 ข้าง ต้องตกงาน โรงพยาบาลรับผิดชอบเพียงแค่ให้กลับมารักษาตามอาการเท่านั้น
ผู้เสียหายเล่าย้อนให้ฟังว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา ตนเองมีอาการตาแดง วันรุ่งขึ้น (19 มิ.ย.) ซื้อยามากินเอง ปกติทุกครั้งจะหาย แต่ครั้งนี้ไม่ดีขึ้น วันที่ 20 มิ.ย. จึงตัดสินใจเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลชื่อดัง ย่านพหลโยธิน ด้วยอาการเจ็บคอและตาแดง หลังเข้ารับการรักษาหมอวินิจฉัยว่าต่อมทอมซินอักเสบ จึงฉีดยาแก้แพ้ให้ 1 เข็ม แล้วให้กลับบ้าน หลังกลับมาบ้านไม่นาน เริ่มมีอาการแน่นหน้าอก ผื่นขึ้นเต็มตัว ตาเริ่มมองไม่ชัด ปากบวม จึงโทรศัพท์ไปสอบถามที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล จึงนัดให้มาพบหมอเฉพาะทางวันที่ 21 มิถุนายน โดยหมอเฉพาะทาง วินิจฉัยโรคว่า อาจเป็นโรคอีสุกอีใส และฉีดยาแก้แพ้ตัวเดิมเพิ่มให้อีก และให้แอดมิดที่โรงพยาบาล
หลังฉีดยาชนิดเดิมไม่นาน อาการเริ่มหนักขึ้น ผื่นแดงเริ่มขึ้นเยอะกว่าเดิม ตาซ้ายมองไม่เห็น ตาขวามองเห็นเพียง 50% จึงรีบแจ้งพยาบาล ต่อมาวันที่ 22 มิถุนายน หมอรีบนำตัวเข้าห้องไอซียู และฉีดยาแก้แพ้ตัวเดิมให้อีกเป็นเข็มที่ 3 ทำให้รู้สึกมึนและเบลอ ร่างกายเริ่มชา จนไม่มีความรู้สึก นอนอยู่ในห้องไอซียูถึง 7 วัน แต่อาการไม่ดีขึ้น ทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลที่ 2 และโรงพยาบาลที่ 2 วินิจฉัยว่าตนเป็นโรค “สตีเวนส์จอห์นสัน ระดับ10” รักษาตัวโรงพยาบาลที่ 2 อีก 1 เดือนกับอีก 15 วัน อาการผื่นแดงจึงหยุดลุกลาม แต่ตายังมองไม่ค่อยเห็นเหมือนเดิม ทางโรงพยาบาลที่ 2 จึงส่งตัวกลับมารักษาที่โรงพยาบาลแรก
หลังกลับมารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแรกได้ 1 เดือน ทางโรงพยาบาลได้ให้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้าน ทั้งที่ตายังมองไม่ค่อยเห็นและมีแผลตกสะเก็ดจากผื่นที่ขึ้นตามใบหน้าและร่างกาย ทางโรงพยาบาลอ้างว่าเดี๋ยวจะนัดมารักษาตามอาการอีกครั้ง ตอนนี้ใช้ชีวิตลำบากมาก ตาขวามองเห็นเพียง 50% ส่วนตาซ้ายมองเป็นฝ้าสีขาว จะเดินไปไหนตามลำพังไม่ได้ ต้องมีคนจูงมือตลอด เสียใจมากที่ต้องมาป่วยแบบนี้ โดยก่อนป่วยตนมีชีวิตที่สดใสเป็นพนักงานไอที กำลังจะเปิดช่องขายของออนไลน์ แต่ความฝันต้องพังทลาย เพราะหมอวินิจฉัยโรคผิด สิ่งที่กังวลมากที่สุดตอนนี้คือ อยากให้ทางโรงพยาบาลแรกที่รักษา ช่วยรักษาตาให้กลับมามองเห็น เพราะที่ผ่านมาการรักษาทุกครั้งใช้บัตรประกันสังคม เชื่อว่าอาจจะไม่ได้ยาที่ดี จึงอยากให้โรงพยาบาลรับผิดชอบด้วยการจัดยาดีๆ ที่อยู่นอกประกันสังคมมาให้ และอยากเรียกร้องค่าเสียหายทั้งเรื่องต้องถูกให้ออกจากงาน รวมถึงการเสียโฉม ให้โรงพยาบาลรับผิดชอบตรงนี้
สำหรับสาเหตุของกลุ่มอาการสตีเวนส์จอห์นสัน ปัจจุบันแพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดแต่เชื่อว่าเกิดจากการติดเชื้อ และการใช้ยาบางชนิด อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดโรคนี้ได้ หรือปัจจัยจากพันธุ์กรรม ยีนส์ และระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งโรคนี้จะพบเพียง 6 ใน 1 ล้านคนเท่านั้น สำหรับประเทศไทย เคยพบผู้ป่วยโรคนี้เมื่อ 20 ปีที่แล้ว .-สำนักข่าวไทย