บุรีรัมย์ 30 เม.ย. – หนูน้อย 6 ขวบ ป่วยมะเร็งในไตและก้อนเนื้อทับเส้นประสาท ทำให้ตาบอด 2 ข้าง ต้องหยุดเรียน ครอบครัวฐานะยากจน วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือพาไปรักษาที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ
หนูน้อย 6 ขวบ ชาว อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ป่วยมะเร็งในไตและก้อนเนื้อทับเส้นประสาท ทำให้ตาบอดสนิททั้ง 2 ข้าง มากว่า 1 ปี กลายเป็นเด็กพิการ ต้องหยุดเรียน เพราะมองไม่เห็นหรือช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แม่และยายฐานะยากจน พาไปรักษาตามสิทธิ วิงวอนผู้ใจบุญช่วยพาไปรักษาที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ เชื่อยังมีโอกาสกลับมามองเห็น
นางอั้ว อายุ 75 ปี ชาวบ้านนาจาน ต.เมืองไผ่ อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ และ น.ส.เจริญศรี อายุ 48 ปี ยายและแม่ของน้องนนท์ อายุ 6 ขวบ ออกมาวิงวอนผู้ใจบุญช่วยเหลือพาน้องนนท์ ไปรักษาโรงพยาบาลเฉพาะทางที่กรุงเทพมหานคร
น้องนนท์เริ่มจากมีอาการปวดขา ปวดท้อง จึงเข้ารับการรักษา แพทย์ตรวจเจอก้อนเนื้อในท้องก็ทำการผ่าตัด จากนั้นแพทย์ตรวจเจอก้อนเนื้อทับเส้นประสาทตา โดยแพทย์ลงความเห็นว่าน้องป่วยเป็นมะเร็งในไตและก้อนเนื้อทับเส้นประสาท ทำให้น้องตาบอดสนิททั้ง 2 ข้าง มากว่า 1 ปี กลายเป็นเด็กพิการ ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ต้องหยุดเรียนไปโดยปริยาย และเพราะมองไม่เห็น ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
หลังจากน้องกลายเป็นเด็กพิการ ทางครอบครัวยังหวังน้องจะมีโอกาสกลับมามองเห็นอีกครั้ง แต่เพราะฐานะยากจน ไม่มีเงินพาน้องไปรักษา จึงอยากวิงวอนให้ผู้ใจบุญช่วยเหลือพาน้องไปรักษาให้กลับมามองเห็นได้ใช้ชีวิตเป็นปกติ และไปเรียนเหมือนกับเด็กคนอื่น
นางอั้ว ยายน้องนนท์ เล่าให้ฟังว่า ปกติตนมีอาชีพขายอาหารตามสั่งหน้าบ้าน หลังจากหลานป่วยตาบอดทั้ง 2 ข้าง ก็ต้องขายของด้วยดูแลหลานไปด้วย เพราะหลานมองไม่เห็น ต้องคอยดูแลไม่ให้คลาดสายตา ตอนนี้ฝึกให้หลานใช้มือคลำทางและคลำหาสิ่งของ ไม่คิดว่าหลานซึ่งตอนนั้นอายุแค่ 5 ขวบ จู่ๆ ปวดขาและปวดท้อง ก็ผ่าตัดรักษาตามปกติ ไม่คิดว่าหลานจะกลายเป็นเด็กพิการตาบอด ทั้งที่อายุยังน้อย อยากวิงวอนให้ผู้ใจบุญช่วยเหลือ อยากให้หลานกลับมามองเห็นอีกครั้ง
ด้าน น.ส.เจริญศรี แม่ของน้องนนท์ บอกว่า ปกติลูกชายเป็นเด็กร่าเริงและแข็งแรงดี โรงพยาบาลมหาราช ผ่าตัดรักษาในวันที่ 15 มีนาคม 2566 วันนั้นเป็นวันที่ลูกชายบอกว่าตามองไม่เห็นตนก็ตกใจ หมอบอกว่าน้องเป็นมะเร็งในกรวยไต และมีก้อนเนื้อทับเส้นประสาทด้วย หลังจากนั้นตนจำเป็นต้องออกจากงานเพื่อมาดูแลลูก พาไปหาหมอตามนัด หมอแนะนำให้พาลูกไปหัดเรียนที่โรงเรียนคนตาบอดจะได้ช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ตนเชื่อว่าลูกชายยังมีโอกาสกลับมามองเห็นอีกครั้ง เพราะเขาพูดตลอดว่าอยากไปเรียน โตขึ้นอยากเป็นตำรวจ จึงอยากให้ผู้ใจบุญช่วยเหลือพาไปรักษาโรงพยาบาลเฉพาะทางที่กรุงเทพฯ แต่ครอบครัวยากจน ไม่มีปัญหาพาไป ลำพังค่ากินอยู่และค่าใช้จ่ายในบ้านแทบไม่พออยู่แล้ว ไหนจะค่าเดินทางไปลูกไปโรงพยาบาลตามนัดอีก.-สำนักข่าวไทย