ไนโรบี 29 ส.ค.- ผลการศึกษาอิสระที่เผยแพร่ในวันนี้ระบุว่า จีนได้อนุมัติสินเชื่อให้แก่แอฟริกามูลค่ารวม 4,610 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 156,680 ล้านบาท) ในปี 2566 เป็นการเพิ่มขึ้นต่อปีเป็นครั้งแรกนับจากปี 2559
ศูนย์นโยบายการพัฒนาโลกของมหาวิทยาลัยบอสตันในสหรัฐเผยแพร่ผลการศึกษาก่อนที่จะมีการประชุมเวทีความร่วมมือจีน-แอฟริกาที่จัดขึ้นทุก 3 ปีในวันที่ 4-6 กันยายนที่กรุงปักกิ่งว่า ปี 2566 จีนอนุมัติสินเชื่อให้แอฟริกาเพิ่มขึ้น 3 เท่าจากปี 2565 หลังจากให้สินเชื่อปีละกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 339,870 ล้านบาท) ตลอดปี 2555-2561 ตามข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง หรือบีอาร์ไอ (BRI) ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน แต่ได้ปล่อยสินเชื่อลดลงอย่างมากนับตั้งแต่โรคโควิด-19 ระบาด รวมแล้วจีนปล่อยสินเชื่อให้ภูมิภาคนี้ทั้งหมด 182,280 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.19 ล้านล้านบาท) นับตั้งแต่ปี 2543-2566 ส่วนใหญ่เป็นภาคพลังงาน การขนส่ง และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที (ICT)
ผลการศึกษาพบว่า แอฟริกามีความสำคัญอย่างมากในช่วงปีแรก ๆ ของบีอาร์ไอ เนื่องจากจีนต้องการฟื้นเส้นทางสายไหมโบราณ และขยายอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจผ่านการผลักดันโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก แต่โรคโควิด-19 ได้ทำให้จีนเริ่มลดการให้เงินสด ทำให้มีโครงการค้างอยู่เป็นจำนวนมาก จากนั้นสินเชื่อของจีนเริ่มลดลงเพราะแรงกดดันเรื่องเศรษฐกิจในประเทศ ประกอบกับประเทศในแอฟริกามีภาระหนี้สินสูง ส่งผลให้สินเชื่อกว่าครึ่งหนึ่งในปี 2566 เป็นการปล่อยให้สถาบันการเงินระดับประเทศและระดับภูมิภาคแทน สะท้อนถึงการปรับกลยุทธ์ใหม่ของจีน
อย่างไรก็ดี ผลการศึกษาพบว่า แนวโน้มการปล่อยสินเชื่อในปี 2566 ยังไม่สามารถให้ภาพที่ชัดเจนว่า จีนจะมีความข้องเกี่ยวทางการเงินกับแอฟริกาในทิศทางใดต่อไป เนื่องจากจีนยังคงปล่อยสินเชื่อให้แก่ประเทศในแอฟริกาที่มีเศรษฐกิจย่ำแย่อย่างไนจีเรียและแองโกลา.-814.-สำนักข่าวไทย