ทำเนียบ 8 เม.ย.-นายกฯ ยืนยันมาตรการรับมือภาษีสหรัฐฯ ต้องรอบคอบ เร็วและแม่นยำ รู้เขา-รู้เรา ยึดประโยชน์สูงสุดของคนไทย เผยการเจรจาทางการค้าระหว่างประเทศ ต้องอาศัยหลายระดับ ชี้ไม่จบภายในครั้งเดียว
น.ส.แพทองธาร ชินวัตรนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมคณะทำงาน นโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา ครั้งที่3/2568 โดยมีนายพิชัย ชุนหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายพิชัย นริพทะพันธุ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการการต่างประเทศ นาย
เอกนัฏ พร้อมพรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นางนฤมลภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นางนลินี ทวีสิน ประธานผู้แทนการค้าไทย ปลัดกระทรวงพาณิชย์ปลัด กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
นอกจากนี้ที่ประชุมฯ ยังมีคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ นางสาวใจไทย อุปการนิติเกษตร รองอธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ นางขวัญนภา ผิวนิล นักวิชาการพาณิชย์เชี่ยวชาญ และนายโอม บัวเขียว คณะทำงานประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี
จากนั้นน.ส.แพทองธาร โพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดีย ว่า การวางยุทธศาสตร์รับมือมาตรการ Reciprocal Tariff และ liberation day ต้อง ‘รู้เขา-รู้เรา-เร็ว-แม่นยำ’ ซึ่งการประชุมวันนี้จะเป็นการติดตามสถานการณ์ กำหนดก้าวต่อไปอย่างรอบคอบและแม่นยำ เพื่อประโยชน์สูงสุดของคนไทย
ตามที่ท่านทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศมาตรการ Reciprocal Tariff และ liberation day เมื่อวันที่ 2 เมษายน ซึ่งถือเป็นการกำหนดกติกาการค้าโลกใหม่ สร้างผลสะเทือนต่อระบบเศรษฐกิจของโลก รวมทั้งผู้บริโภคของสหรัฐอเมริกาเอง ตามรายงานข่าวที่ทุกท่านได้ติดตามรับทราบโดยทั่วกัน
รัฐบาลติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ระบุให้เป็นวาระสำคัญ โดยแต่งตั้งคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่เมื่อ 6 มกราคม ที่ผ่านมา โดยมีปลัดกระทรวงพาณิชย์ฯ เป็นประธาน, นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์, นายศุภวุฒิ สายเชื้อ เป็นที่ปรึกษา เพื่อศึกษารายละเอียด หารือและกำหนดแนวทางร่วมกับภาครัฐและเอกชนมาโดยตลอด
โดยในที่ประชุม ครม. เมื่อเช้านี้ ได้มีการมอบหมายให้นายพิชัย รองนายกฯเป็นหัวหน้าคณะในการเจรจากับทางอเมริกา พร้อมด้วย รมต.พาณิชย์ เป็นผู้ร่วมคณะเจรจา มีการประสานนัดหมาย เพื่อทำการพูดคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น USTR และหน่วยงานอื่นๆของอเมริกา เพื่อนำเอาข้อเสนอของไทยไปพูดคุย
และการประชุมวันนี้จะเป็นการติดตามสถานการณ์ เพื่อกำหนด ก้าวต่อไป เพื่อประโยชน์สูงสุดของคนไทยอย่างรอบคอบและแม่นยำ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การวางยุทธศาสตร์และมาตรการต่างๆ คือต้อง “รู้เขา” และ “รู้เรา” วันนี้ เราเห็นนอกจากรูปแบบการตอบโต้ และรับมือต่อนโยบายทรัมป์จากประเทศต่างๆ มีอะไรบ้าง และยังได้เห็นปฏิกิริยาการเคลื่อนไหวตอบโต้ของประชาชนภายในสหรัฐอเมริกาที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายนี้อีกด้วย
น.ส.แพทองธาร ระบุว่า ยุทธศาสตร์และกระบวนการทำงานของรัฐบาลต้องทั้ง ‘เร็ว และ แม่นยำ’ เร็ว ขอย้ำว่าเรามีการจัดตั้งคณะทำงานมาตั้งแต่เดือนมกราคม ซึ่งเราตั้งก่อนที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งเป็นทางการเมื่อ 20 มกราคม และได้ประสานงานกับฝั่งทางสหรัฐอเมริกามาตลอด ,แม่นยำ เรามีการเตรียมข้อมูลที่ครบและรอบด้าน มีการติดตามความเคลื่อนไหวจากทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบเพื่อประเมินและหาข้อสรุปในการเจรจาที่จะมีต่อไปจากนี้
ขอย้ำว่า การเจรจาไม่ใช่แค่ครั้งเดียวจบ แต่การเจรจาจะต้องใช้เวลา และมีการเจรจาในหลายระดับที่แตกต่างกัน
นอกจากนี้ เราเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงเกิดผลกระทบเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจ จึงต้องการเตรียมมาตรการรับมือและเยียวยาให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว โดยเฉพาะในระยะสั้น ส่วนในระยะยาวเราจะต้องมองถึงการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ และการหาตลาดใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อให้เศรษฐกิจไทยไปต่อได้อย่างเข้มแข็ง
ขอยืนยันว่า รัฐบาลคำนึงถึงผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนและประเทศเป็นที่ตั้ง เราจะดำเนินการทุกอย่างโดยรอบคอบ เพื่อรักษาผลประโยชน์ และไม่ให้เสียเปรียบมากที่สุด.-316.-สำนักข่าวไทย