พรรคภูมิใจไทย 13 ก.ย.-“อนุทิน” ชัด ไม่มีเปิดด่านตอนนี้ ยันต้องฟังเสียงประชาชน ไม่ปิดโอกาสเจอหน้า “ฮุน มาเนต” หวังได้ข้อสรุปบางเรื่อง แต่ไม่ได้ยอมให้ไทยเสียเปรียบ ลั่น “ลงพื้นที่แน่ ที่ผ่านมาขยันลงจนโดนไล่ออก”
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสคัดค้านเรื่องการเปิดด่านชายแดนไทย – กัมพูชา ว่า เรายังไม่เปิด เรารอฟังเสียงพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว ซึ่งคำว่าเปิดด่านจะต้องมีการทำข้อตกลงต่างๆ มากมาย ทั้งการเจรจา และทางการทหาร โดยจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยก่อน คือ ความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน และความปลอดภัยของประเทศ ซึ่งจะต้องไม่มีการยิงกัน หรือมีอาวุธมาจ่อกัน
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า เมื่อเราเข้าไปบริหารประเทศแล้ว ตนเองก็จะให้ข้อสั่งการหรือนโบบายให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลชุดใหม่ได้ไปดำเนินการ ทั้งการถอนอาวุธ และกับระเบิด เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเกิดความปลอดภัยกับผู้คนทั้งสองประเทศ ฉะนั้นกว่าเราจะไปถึงจุดนั้นยังอีกไกล แต่เราก็ต้องไปถึงจุดนั้น จะให้เราทะเลาะกับเพื่อนบ้านชั่วกัลปาวสานคงเป็นไปไม่ได้ และการจะใช้มาตรการรุนแรง โดยไม่มีการเจรจาเลย ซึ่งเมื่อถึงเวลาต่างคนต่างถือทิฐินั้น การเจรจาก็ไม่ไปถึงไหน จึงต้องใช้ทั้งศาสตร์ ทั้งศิลป์ การทูต การทหาร การผ่อนคลายและการกดดันต่างๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีโอกาสจะได้เห็นนายกฯ ไทย และกัมพูชาเจอกันหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า การเจอกันไม่ได้หมายความว่า ต้องยอมกันหรือไม่ เพราะการเจอกันก็จะทำอาจทำให้บรรยากาศหลายอย่างหรือสิ่งที่พูดแล้วไม่เข้าใจกัน หาข้อสรุปบางอย่างได้ แต่สิ่งสำคัญคือ เราจะไม่ยอมให้ประเทศไทยเสียเปรียบ ในความเป็นนายกฯ ของไทย โดยเรื่องเสียดินแดนไม่ต้องมาพูดกับตนอยู่แล้ว เรื่องที่จะทำให้คนไทยเป็นอันตราย ตนก็จะไม่ให้เกิดขึ้น
”เป็นนายกฯ ประเทศไทยนะครับ ไม่ใช่นายกฯ ประเทศอื่น เพราะฉะนั้นต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทย ของคนไทย เป็นประเด็นหลักอยู่แล้ว“ นายอนุทิน กล่าว
ส่วนจะลงไปรับฟังเสียงของประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการเปิดด่านใช่หรือไม่ นายอนุทิน ร้องโธ่ พร้อมกล่าวว่า ”เรื่องลงพื้นที่ มีใครสู้ผมได้ล่ะ“ ซึ่งตนเองก็ลงพื้นที่มาตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่จนเขาเชิญออกจำไม่ได้หรือ “ขยันจนถูกไล่ออก”
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะทันในระยะเวลา 4 เดือนหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรามีอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดิน ฉะนั้นตราบใดที่เรายังอยู่ในขอบเขตอำนาจที่เรามี เราก็ต้องใช้อย่างเต็มที่ไม่อยู่ในจุดนี้แน่นอน แต่จะใช้ได้ขนาดไหนก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์.-315.-สำนักข่าวไทย