น้ำในกว๊านยังเพิ่มระดับสูง ทะลักท่วมบ้านเรือน

พะเยา 25 ส.ค. – สถานการณ์น้ำท่วมบริเวณชุมชนรอบกว๊านพะเยา ยังไม่คลี่คลาย มวลน้ำจากลำน้ำ 13 สาขา เข้าเติมพื้นที่กว๊านพะเยาต่อเนื่อง ชาวบ้านเดือดร้อนกว่า 200 ครัวเรือน ส่วนที่เชียงราย ปภ. นำอาหารขึ้น ฮ. ช่วยคนในพื้นที่ถูกตัดขาด


สถานการณ์น้ำท่วมบริเวณชุมชนรอบกว๊านพะเยา ในเขตเทศบาลเมืองพะเยา ยังไม่คลี่คลายเนื่องจากมวลน้ำจากลำน้ำ 13 สาขา เข้าเติมพื้นที่กว๊านพะเยาอย่างต่อเนื่อง เทศบาลเมืองพะเยา ตลอดจนพระสงฆ์และชาวบ้านในชุมชน ต้องนำถุงยังชีพ อาหาร น้ำ ไปช่วยเหลือให้กับชาวบ้านมากกว่า 200 หลังคาเรือน ที่ได้รับผลกระทบเนื่องจากภาวะน้ำกว๊านพะเยาไหลทะลักเข้าท่วมเขตชุมชนเทศบาลเมืองพะเยา ที่อยู่บริเวณโดยรอบ ซึ่งขณะนี้ภาวะน้ำท่วมได้ขยายวงกว้างเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งวัดศรีโคมคำ หรือวัดพระเจ้าตนหลวง ทางวัดได้มีการป้องกันอย่างเต็มที่ โดยได้น้ำกระสอบทรายเข้าปิดกั้นเพื่อไม่ให้น้ำเข้าไปภายในบริเวณพระวิหาร โดยระดับน้ำบางแห่งสูงประมาณ 30-50 เซนติเมตร เนื่องจากปริมาณน้ำจากกว๊านพะเยา เพิ่มระดับสูงขึ้น สาเหตุจากลำน้ำ 13 สาขา ที่ไหลลงสู่กว๊านพะเยายังคงเข้าเติมในพื้นที่กว๊านพะเยา อย่างต่อเนื่อง

โดยล่าสุดปริมาณน้ำอยู่ที่ 71.568 ล้านลูกบาศก์เมตร จากความจุ 55.650 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้เกินการกักเก็บ และส่งผลกระทบ ซึ่งในขณะนี้กว๊านพะเยาก็ได้มีการระบายน้ำ โดยให้น้ำล้นสปิลเวย์ จำนวนประมาณ 7 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยคาดว่าหากสถานการณ์ฝนไม่ตกลงมาในพื้นที่


ที่จังหวัดเชียงราย วันนี้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัดเชียงราย ได้นำสิ่งของอุปโภคบริโภค เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อำเภอเทิง โดยการลำเลียงทางอากาศ ทางเฮลิคอปเตอร์ ปภ.32-01 ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย ซึ่งได้รับการสนับสนุนเครื่องอุโภคบริโภคจาก ฝูงบิน 416 กองทัพอากาศ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัดเชียงราย และภาคเอกชน และไปรับสิ่งของที่โรงเรียนศรีสว่าง อำเภอเทิง ก่อนจะนำไปส่งมอบให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทภัย ที่ โรงเรียนบ้านปางค่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย โดยมีผู้ประสบภัยมารอรับสิ่งของอุปโภคหลังจากถูกตัดขาดจากพื้นที่ภายนอก

ขณะที่สถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขง ที่ไหลผ่านช่วง อ.เชียงของ ยังคงเพิ่มปริมาณสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 30 เซนติเมตร ซึ่งถือว่าเกินความสูงของตลิ่งซึ่งอยู่ที่ 10 เมตร ทำให้เรือขนส่งสิ้นค้าข้ามประเทศผ่านแม่น้ำโขงที่จอดอยู่ต้องเพิ่มความแข็งในการผูกมัดเรือริมตลิ่ง บริเวณจุดบ้านผาถ่าน ต.เวียง อ.เชียงของ .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”