16 ก.ค. – สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ขยายผลเพิ่มเติมจากกรณีที่ตำรวจ สน.คลองตัน นำกำลังจับกุม 5 ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุชิงทรัพย์นักเทรดชาวอังกฤษ
จากกรณีตำรวจ สน.คลองตัน สนธิกำลังจับกุมนายอับดุลลาฮี ชาวเดนมาร์ก, นายชาฟิค ซัมยา ชาวอังกฤษ, นายอาเม็ด ซาอีด ยาซิน ชาวอังกฤษ, นายฮัสเซียน โมฮาเม็ด ฮัสสัน ชีค ชาวอังกฤษ, และน.ส.ซัมย่า หลังก่อเหตุลวงหนุ่มนักเทรดคริปโตฯ ชาวอังกฤษไปรีดทรัพย์ที่แมนชั่นย่านพระโขนง ก่อนจับมัดมือมัดเท้ารุมทำร้ายโหด ทั้งชกต่อยและช็อตไฟฟ้า ปล้นนาฬิกาหรู, บัตรเครดิต และเงินสด รวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ก่อนจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย พร้อมของกลางได้ที่พูลวิลล่า จ.ชลบุรี ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
วันนี้ (16 ก.ค.) พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. กล่าวว่า คดีนี้ทาง สตม.ได้ร่วมกันสืบสวนและติดตามร่วมกับ สน.คลองตัน ในการจับกุมผู้ต้องหา โดยภายหลังจากทราบชื่อ สกุล และข้อมูลต่างๆ หลังจากมีการออกหมายจับก็ได้มีการกรอกข้อมูลในระบบ Biernetric ในการหาตัวผู้ต้องหา ซึ่งระบบนี้เป็นระบบตรวจสอบบุคคลเข้าเมืองภายในสนามบินและเฝ้าระวังบุคคลอันตราย โดยผู้ต้องหาที่ 1 คือ อับดุลลาฮิ เจ้าหน้าที่ได้ติดตามติดตามไปยังโรงแรมแห่งหนึ่งในพัทยาใต้ตั้งแต่กลางดึก และสอบถามพนักงานโรงแรมว่ามีการเข้าพักหรือไม่ พอได้รับการยืนยันว่าใช่ ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เฝ้าจนเช้าและคุมตัวผู้ต้องหาที่ 1 ได้ เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจค้นในกระเป๋าผู้ต้องหา พบนาฬิกาของผู้เสียหาย 1 เรือน และพบกุญแจห้องพักพูลวิลล่าแห่งหนึ่ง จึงถามว่าเพื่อนคนอื่นๆ อยู่ไหน แต่ผู้เสียหายไม่ยอมบอก เลยคุมตัวผู้ต้องหาไว้ และส่งเจ้าหน้าที่ไปที่พูลวิลล่าดังกล่าว ซึ่งระยะทางไม่ไกลกันมากจากที่พักของผู้ต้องหาที่ 1 พอไปถึงเจ้าหน้าที่ก็ได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่พูลวิลล่าเพื่อยืนยัน จากนั้นก็ซุ่มดูจน 3-4 ชม. ต่อมามีรถขับมาที่โรงแรมทางเจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกถมทันที เป็น Mr.Hussein Mohamed Hassan Sheekh และ Mr.Ahmed Saeed Yasin ชาวอังกฤษ ในขณะจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ไม่ได้มีการขัดขืน จากการตรวจสอบพบว่าทั้ง 2 คนมีการพกอาวุธเป็นมีด และสนับมือ และพบนาฬิกา 1 เรือนของผู้เสียหายจึงรวบรวมของกลางรวบรวมไว้ และนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ส่ง สน.คลองตัน
ส่วนผู้ต้องหาที่ 4 พอรู้ว่าเป็นใครจึงขึ้นบัญชีในระบบสารสนเทศ จนทราบว่า กำลังเดินทางออกนอกประเทศ จึงตามไปรวบตัวได้ที่ ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ จนสามารถจับตัวไว้ได้ จากการตรวจค้นกระเป๋าเดินทางพบช่อดอกกัญชาบรรจุในถุงสุญญากาศ ขนาด 500 กรัม จำนวน 50 ห่อ น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 25 กิโลกรัม จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ศุลกากร และ ป.ป.ส. ประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จับกุมในความผิดฐาน พยายามส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งสมุนไพรควบคุม (ช่อดอกกัญชา) โดยไม่ได้รับอนุญาต และพยายามส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งของที่ยังไม่ได้ผ่านพิธีการศุลกากร ตามกฎหมายศุลกากร มาตรา 242 มาตรา 166 มาตรา 167 และมาตรา 252 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ในส่วนผู้ต้องหาที่เหลือดำเนินคดี 7 ข้อหา ประกอบด้วยข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธติดตัว / ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ / ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นโดยมีอาวุธให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจ โดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ข้อหาร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย / ร่วมกันกรรโชกโดยมีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ / ร่วมกันเอาไปเสียเอกสารใดของผู้อื่น / และข้อหาร่วมกันพาอาวุธติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร และส่งพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ดำเนินคดีต่อไป
เบื้องต้นทั้ง 4 คน ได้มีการฝากขังยังศาลอาญากรุงเทพใต้แล้ว ส่วนผู้ต้องหาอีก 1 คน ที่หลบหนี ขณะนี้ทราบชื่อและนามสกุลจริงแล้ว และทาง สน.คลองตัน กำลังมีการแก้ชื่อในหมายจับ คาดว่าจะออกหมายจับที่ไทยได้ภายใน 1-2 วันนี้ และประสานกับประเทศปลายทาง ในการส่งตัวมาดำเนินคดีไทย ต่อไป. -420- สำนักข่าวไทย