ป.ป.ส.มอบโบราณวัตถุคืนเป็นสมบัติชาติแก่กรมศิลปากร

ปทุมธานี 30 พ.ค. – ป.ป.ส. มอบโบราณวัตถุ 33 รายการ จากการยึดทรัพย์นักค้ายาเสพติด คืนเป็นสมบัติชาติ แก่กรมศิลปากร


พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นประธานส่งมอบพระพุทธรูปและโบราณวัตถุให้แก่กรมศิลปากร โดยมีนายเจษฎา ชีวะวิชวาลกุล รองอธิบดีกรมศิลปากร เป็นผู้รับมอบ และมีนายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. และนางสาวเด่นดาว ศิลปานนท์ ภัณฑารักษ์เชี่ยวชาญ ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ คลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า พระพุทธรูปและโบราณวัตถุที่ส่งมอบในครั้งนี้ สืบเนื่องจากการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายหนึ่ง โดยมีการยึดทรัพย์สินเป็นพระพุทธรูปและโบราณวัตถุหลายรายการ และได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ริบทรัพย์สินตกเป็นของกองทุนป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534


พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า ด้วยทรัพย์สินในคดีดังกล่าวมีลักษณะเป็นพระพุทธรูปโบราณ จึงได้ประสานกรมศิลปากรที่มีความเชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบ และพบว่าเป็นพระพุทธรูปและวัตถุโบราณ จำนวน 33 รายการ ตามนิยามที่กำหนดในพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ซึ่งตามมาตรา 25 กำหนดให้โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ที่เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ต้องนำมาเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ จึงได้ประสานกรมศิลปากรส่งมอบเพื่อประโยชน์และให้เป็นสมบัติของชาติต่อไป

ด้านนายเจษฎา ชีวะวิชวาลกุล รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ขอขอบคุณการทำงานของสำนักงาน ป.ป.ส. ที่ให้ความสำคัญในความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นในกรณีนี้เมื่อมีการตรวจยึดของกลางทรัพย์สินประเภทโบราณวัตถุจากผู้กระทำผิดในคดียาเสพติด คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของโบราณวัตถุที่มีฐานะเป็นทรัพย์ของแผ่นดิน สมควรมอบให้กรมศิลปากร ในฐานะที่เป็นองค์กรภาครัฐที่มีหน้าที่หลักในการปกป้อง คุ้มครองและอนุรักษ์โบราณวัตถุที่ล้ำค่าของชาติ

ทั้งนี้ โบราณวัตถุทั้ง 33 รายการ ที่สำนักงาน ป.ป.ส. ส่งมอบให้กรมศิลปากร จะถูกเก็บรักษา อนุรักษ์ให้คงอยู่ในสภาพที่ดี รักษาความปลอดภัยอย่างมั่นคง ณ คลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จังหวัดปทุมธานี และจะนำไปใช้ประโยชน์ในการศึกษา ค้นคว้า วิจัยเกี่ยวกับรูปแบบศิลปกรรมและเทคโนโลยีการหล่อพระพุทธรูปโบราณต่อไป


ในช่วงท้าย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ และนายเจษฎา ได้นำคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมพระพุทธรูปและโบราณวัตถุ และรับฟังกระบวนงานของพิพิธภัณฑ์ ในการตรวจสอบ ประเมิน และการจัดเก็บโบราณวัตถุ.-119-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชียงใหม่อากาศแปรปรวน เจอลมหนาว-ฝนตก 3 วันติด

ชาวเชียงใหม่เจอลมหนาวและฝนตกต่อเนื่อง 3 วันติด อุตุฯ ย้ำอากาศแปรปรวน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ยังมีฝนตกและลมหนาว แนะรักษาสุขภาพ

“อัจฉริยะ” ยื่นสอบปม “ทนายตั้ม” ปูดข่าวผู้บริหารปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ

“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือตรวจสอบข้าราชการช่วยผู้บริหารรัฐวิสาหกิจปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ คาดอาจมีทนายดังเข้าไปเอี่ยว เสนอตำรวจให้สอบพยานรายสำคัญที่เป็นประโยชน์กับ “มาดามอ้อย”

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

“บิ๊กอ้อ” เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” มีพฤติการณ์หนี-ยุ่งเหยิงพยานฯ

“บิ๊กอ้อ” ชี้ตำรวจต้องออกหมายจับ “ทนายตั้ม” เหตุพบพฤติการณ์เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีคดีต่อเนื่อง 3 คดี เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นตอนเช้า-ภาคใต้ฝนหนัก

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นในตอนเช้า เตือนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง พร้อมอัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

MOU44

MOU 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง ตอนที่ 1

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องเอ็มโอยู 44 และเส้นแบ่งอาณาเขตทางทะเล หรือเส้นเคลม กลายเป็นปมร้อน ท่ามกลางความกังวลถึงผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และสิทธิเหนือเกาะกูด ติดตามความเห็นและมุมมองจากผู้เกี่ยวข้องในรายงาน “ปมร้อน เอ็มโอยู 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง”

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” สร้างตัวตนผ่านสื่อ หวังหาผลประโยชน์หรือไม่

หลังจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัว “ทนายตั้ม” และภรรยา เข้าเรือนจำไปแล้ว มีคำถามตามมาว่า ทนายคนดังสร้างตัวตนจนโดดเด่นในสังคม เพื่อหาผลประโยชน์จากความน่าเชื่อถือที่สร้างไว้หรือไม่

ระเบิดปากีสถาน

ยอดเสียชีวิตจากเหตุระเบิดสถานีรถไฟปากีสถานเพิ่มเป็น 24 รายแล้ว

เหตุระเบิดสถานีรถไฟในเมืองเควตตา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถาน ตายเพิ่มเป็นอย่างน้อย 24 ราย บาดเจ็ดมากกว่า 40 ราย