ชัวร์ก่อนแชร์: นักวิจัยชี้ชาวญี่ปุ่นตายจากมะเร็งมากขึ้นเพราะวัคซีน mRNA จริงหรือ?

22 พฤษภาคม 2567
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีข้อมูลสร้างความเข้าใจผิดเผยแพร่สื่อสังคมออนไลน์ในหลายประเทศ โดยกล่าวหาว่าวัคซีน mRNA คือสาเหตุของการป่วยเป็นมะเร็ง หลังมีงานวิจัยที่พบการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งที่เพิ่มขึ้นในประเทศญี่ปุ่น หลังการรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA เป็นเข็มที่ 3


บทสรุป :

  1. เป็นการอ้างงานวิจัยที่มีหนึ่งในทีมงานเป็นผู้ต่อต้านวัคซีน และเผยแพร่ผ่านวารสารที่มีปัญหาด้านการควบคุมคุณภาพงานวิจัย
  2. ผู้วิจัยไม่มีข้อมูลการฉีดวัคซีนของผู้เสียชีวิต จึงไม่สามารถระบุได้ว่าการตายจากมะเร็งที่เพิ่มขึ้นเป็นเพราะวัคซีนหรือไม่
  3. ปัจจัยที่จำนวนผู้เสียชีวิตจากมะเร็งเพิ่มขึ้น เป็นเพราะการตรวจคัดกรองมะเร็งกลับมาปกติหลังหยุดไปในช่วงล็อกดาวน์
  4. อัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่กลางยุค 2000’s ปัจจัยจากการขยายตัวของสังคมสูงวัย จึงพบผู้ป่วยมะเร็งมากขึ้น

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

งานวิจัยอื้อฉาว


งานวิจัยที่กลายเป็นประเด็นโต้เถียงมีชื่อว่า Increased Age-Adjusted Cancer Mortality After the Third mRNA-Lipid Nanoparticle Vaccine Dose During the COVID-19 Pandemic in Japan โดย มิกิ จิโบ และคณะ ตีพิมพ์ทางวารสารการแพทย์ Cureus เมื่อเดือนเมษายน 2024

โดยทีมวิจัยสรุปว่า มีความสัมพันธ์ระหว่างการเพิ่มขึ้นของอัตราการตายด้วยโรคมะเร็งกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA เข็มที่ 3 ในประเทศญี่ปุ่น

ข้อมูลดังกล่าว ถูกผู้มีแนวคิดต่อต้านวัคซีนนำไปแชร์ทางโลกออนไลน์อย่างแพร่หลาย ทั้ง อเล็กซ์ โจนส์ ผู้เผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิด และ ปีเตอร์ แม็คคัลลาห์ แพทย์โรคหลอดเลือดหัวใจและมีประวัติเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีน โดยเน้นถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนเข็มของวัคซีนโควิด-19 ทั้ง มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งรังไข่ มะเร็งตับอ่อน และมะเร็งเต้านม รวมถึงภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หลอดเลือดสมองและหัวใจตีบ ลิ่มเลือดอุดตัน และปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน ดังนั้นการแนะนำให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม

อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบโดย Fact Checker และผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์หลายรายต่างยืนยันว่า ข้ออ้างเกี่ยวกับอันตรายจากวัคซีน mRNA มาจากการตีความงานวิจัยที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากงานวิจัยไม่ได้ออกแบบมาเพื่อยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งและการฉีดวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA

ประวัติต่อต้านวัคซีนในสมาชิกทีมวิจัย

จากการตรวจสอบพบว่า หนึ่งในทีมวิจัยได้แก่ มาซาโนริ ฟูกูชิมะ แพทย์ชาวญี่ปุ่นผู้มีประวัติโจมตีวัคซีนโควิด-19 ด้วยข้อมูลเท็จ จน ทาโร โคโนะ อดีตหัวหน้าคณะกรรมการกำหนดนโยบายวัคซีนแห่งชาติญี่ปุ่น เคยประณามผ่านทาง X(Twitter) ว่าเขาคือ “ผู้ปลุกปั่นความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับวัคซีน”

วีรกรรมของ มาซาโนริ ฟูกูชิมะ คือการเรียกร้องเมื่อช่วงต้นปี 2023 ให้มีการตรวจสอบความปลอดภัยของวัคซีนโควิด-19 หลังพบอัตราการตายส่วนเกินในประเทศมากผิดปกติ แต่ภายหลังมีการยืนยันจากหน่วยงานสาธารณสุขของญี่ปุ่นว่า ไม่พบว่าการเสียชีวิตมีส่วนเกี่ยวข้องกับวัคซีน ส่วนข่าวลือที่อ้างว่ารัฐบาลญี่ปุ่นทำการสอบสวนความปลอดภัยของวัคซีนโควิด-19 ก็ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

วารสารการแพทย์เจ้าปัญหา

แม้จะเป็นวารสารการแพทย์ที่ตีพิมพ์งานวิจัยที่ผ่านการ Peer-Reviewed หรือการตรวจสอบความถูกต้องทางวิชาการแล้ว แต่ Cureus ถือเป็นวารสารการแพทย์ที่ถูกตั้งคำถามเรื่องความน่าเชื่อถือในงานวิจัยที่ตีพิมพ์บ่อยครั้ง เนื่องจากเป็นวารสารที่เน้นความเร็วในการตีพิมพ์งานวิจัย โดยพบว่ามีเวลาตรวจสอบงานวิจัยก่อนการตีพิมพ์ในเวลาเพียงไม่กี่วัน ถือว่าใช้เวลาน้อยกว่าวารสารวิชาการอื่น ๆ อย่างมาก

วารสารยังมีนโนบาย Post-Publication Peer Review หรือการตีพิมพ์งานวิจัยก่อน แล้วให้ผู้คนในแวดวงวิทยาศาสตร์ร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องหลังการตีพิมพ์ทีหลัง

กระบวนการดังกล่าว ส่งผลในงานวิจัยของ Cureus ถูกถอนการตีพิมพ์บ่อยครั้ง โดยเดือนมกราคม 2024 มีงานวิจัยของ Cureus ถึง 56 ชิ้นที่ถูกถอดถอนหลังการตีพิมพ์

นอกจากนี้ Cureus ยังถูกโจมตีเรื่องการนำงานวิจัยที่ถูกถอดถอนการตีพิมพ์จากวารสารอื่นมาตีพิมพ์ในวารสารของตนเอง แม้จะเป็นงานวิจัยที่ถูกกล่าวหาเรื่องการละเมิดจริยธรรมทางการแพทย์และสิทธิมนุษยชนก็ตาม

งานวิจัยไม่สามารถยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างวัคซีนกับมะเร็ง

สาเหตุที่งานวิจัยของ มิกิ จิโบ และคณะ ไม่สามารถใช้ยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างการฉีดวัคซีนโควิด-19 กับการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งได้ เนื่องจากเป็นการนำเสนอข้อมูลสถิติพรรณนา (Descriptive Statistics) ไม่ได้มีการทดลองในห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันผลลัพธ์แต่อย่างใด

ในงานวิจัยมีการนำเสนอข้อมูลเส้นกราฟที่พบการเพิ่มขึ้นของยอดผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ในช่วงเดียวกับที่มีการรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาดังกล่าวก็ตรงกับช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ดังนั้นจึงไม่อาจสรุปได้ว่า สาเหตุการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง มาจากวัคซีนหรือจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น

ไม่มีการแบ่งกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม

การจะยืนยันได้ว่า การเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งที่เพิ่มขึ้นมาจากวัคซีนหรือไม่ จำเป็นต้องพิสูจน์ด้วยการแบ่งกลุ่มตัวอย่าง เป็นกลุ่มทดลอง (จำนวนผู้เสียชีวิตที่ฉีดวัคซีน) และกลุ่มควบคุม (จำนวนผู้เสียชีวิตที่ไม่ฉีดวัคซีน) จึงสามารถเปรียบเทียบได้ว่า การเสียชีวิตเกิดขึ้นกับกลุ่มใดมากกว่ากัน

อย่างไรก็ดี งานวิจัยของ มิกิ จิโบ และคณะ ไม่มีการระบุสถานะการฉีดวัคซีน เท่ากับว่าเป็นงานวิจัยที่มีการแบ่งกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมตั้งแต่แรก จึงไม่อาจสรุปได้ว่า ผู้เสียชีวิตจากมะเร็งมีสาเหตุจากการฉีดวัคซีนหรือไม่

ชาวญี่ปุ่นฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพียง 2 ใน 3

ข้อมูลเมื่อเดือนเมษายนของรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า มีชาวญี่ปุ่นฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อย 1 เข็มประมาณ 80.4% ฉีดวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็มประมาณ 79.5% และมีสัดส่วนประชากรฉีดวัคซีนอย่างน้อย 3 เข็มเพียง 67% ดังนั้นจึงมีประชากรญี่ปุ่นอีกถึง 1 ใน 3 ที่ไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น การเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งที่อ้างว่าเกิดจากวัคซีน จึงอาจไม่เกี่ยวกับประชากรกลุ่มดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย

ชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตจากมะเร็งเพิ่มขึ้นทุกปี

ขณะที่ มิกิ จิโบ และคณะ เน้นจำนวนผู้เสียชีวิตจากมะเร็งในช่วงปี 2020-2022 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างแพร่หลาย

แต่หากย้อนไปก่อนหน้านั้น การเสียชีวิตจากมะเร็งในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงปี 1995-2014 ก่อนจะกลับมาเพิ่มอีกครั้งในปี 2019 ซึ่งเกิดขึ้นก่อนการผลิตวัคซีนโควิด-19

นอกจากนี้ มะเร็งยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของชาวญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 1981 หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของสาเหตุการเสียชีวิตทั้งหมด

ซึ่งการวิจัยเมื่อปี 2023 ประเมินว่า อัตราการป่วยด้วยโรคมะเร็งของชาวญี่ปุ่นระหว่างปี 2020-2050 จะเพิ่มขึ้นเป็น 13.1%

ส่วนปัจจัยที่ทำให้พบชาวญี่ปุ่นป่วยเป็นมะเร็งมากขึ้นทุกปี มาจากการขยายตัวของสังคมผู้สูงอายุ

มาร์ค เฟลด์โฮน ศาสตราจารย์ด้านระบบภูมิคุ้มกัน ผู้ศึกษาสถานการณ์โรคมะเร็งในประเทศญี่ปุ่น อธิบายว่า ปัจจุบัน 30% ของประชากรชาวญี่ปุ่นมีอายุมากกว่า 65 ปี และ 10% มีอายุมากกว่า 80 ปี ซึ่งอัตราการพบโรคมะเร็งจะแปรผันตามอายุที่มากขึ้น การพบผู้ป่วยโรคมะเร็งในสังคมญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยผู้สูงอายุจึงไม่ใช่เรื่องที่เกินคาด

ข้อจำกัดของงานวิจัย

มิกิ จิโบ และคณะ ยังได้ระบุถึงข้อจำกัดของงานวิจัย จากการรวบรวมข้อมูลสถิติพรรณนา (Descriptive Statistics) ซึ่งรวบรวมมาจากแหล่งข้อมูลหลาย ๆ แห่ง โดยยังไม่ผ่านกระบวนการพิสูจน์ผลในห้องปฏิบัติการ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการศึกษาในรูปแบบสถิติเชิงวิเคราะห์ (Analytical Statistics) โดยระบุสถานะการฉีดวัคซีนในกลุ่มประชากรในอนาคต

นอกจากนี้ ในเว็บไซต์ของวารสาร Cureus ยังมีแพทย์และนักวิจัยเข้ามาแสดงความเห็นต่อผลงานของมิกิ จิโบ และคณะอย่างหลากหลาย ทั้งรายที่สนับสนุนความพยายามของทีมวิจัย รายที่พบจุดบกพร่องที่ต้องแก้ไข และรายที่ไม่เห็นว่างานวิจัยให้ข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อวงการสาธารณสุขแต่อย่างใด

ไม่พบหลักฐานว่าวัคซีนโควิด-19 คือสาเหตุของโรคมะเร็ง

มารี ฟอน ลิเลียนเฟลด์-โทล สมาชิกของสมาคมโลหิตวิทยาและมะเร็งวิทยาแห่งชาติเยอรมนี (German Society for Hematology and Medical Oncology : DGHO) ยืนยันว่า ที่ผ่านมายังไม่พบหลักฐานว่า วัคซีนโควิด-19 คือสาเหตุทำให้มีผู้ป่วยเป็นมะเร็งมากขึ้นหรือกระตุ้นให้มะเร็งกลับมากำเริบ นอกจากนี้ผู้ป่วยมะเร็งยังมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ดังนั้นจึงเป็นกลุ่มที่ควรได้รับวัคซีนอย่างยิ่ง

ข้อมูลอ้างอิง :

https://dpa-factchecking.com/luxembourg/240426-99-821706/
https://www.techarp.com/science/japan-mrna-cancer-deaths-facts/
https://leadstories.com/hoax-alert/2024/04/fact-check-japan-declares-emergency-over-explosion-of-mrna-cancers.html
https://www.cureus.com/articles/196275-increased-age-adjusted-cancer-mortality-after-the-third-mrna-lipid-nanoparticle-vaccine-dose-during-the-covid-19-pandemic-in-japan#!/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก