fbpx

แจ้ง 3 สาเหตุเบื้องต้น “บุ้ง” เสียชีวิต

กทม. 16 พ.ค.- “ทนายกฤษฎางค์ เผย รพ.ธรรมศาสตร์ฯ แจ้ง 3 สาเหตุเบื้องต้น “บุ้ง” เสียชีวิต “ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน-ภาวะสมดุลเกลือแร่ผิดปกติ-หัวใจโต”


วันนี้ (16 พ.ค.67) เวลา 15.40 น. ที่วัดสุทธาโภชน์ ลาดกระบัง นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความประจำศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยถึงสาเหตุการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร ที่เจ้าหน้าที่ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ แจ้งญาติเพื่อไปแจ้งสาเหตุการเสียชีวิต เกิดจาก 3 สาเหตุ คือ 1.มีภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน 2.ภาวะสมดุลเกลือแร่ผิดปกติ และ 3.หัวใจโต

ทั้งหมดนี้ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ ได้ระบุไว้ว่า ต้องรอผลชันสูตรจากห้องแล็บ ในส่วนของผลการตรวจเลือด เนื้อเยื่อและสารคัดหลั่ง อย่างเป็นทางการด้วย


นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า ญาติและทนายความได้ขอประวัติการรักษาของ น.ส.เนติพร จากทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ ห้วง 5 วันสุดท้ายก่อนเสียชีวิต ว่ามีอาการอย่างไร มีการรักษาและการช่วยเหลืออย่างไร เพราะจะสะท้อนถึงสาเหตุการเสียชีวิตได้ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับเอกสารดังกล่าว ทั้งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รับปากกับญาติไว้ว่าจะให้ความร่วมมือเพื่อความโปร่งใส ซึ่งเอกสารที่ขอไปเป็นสิ่งที่ต้องมีบันทึกไว้อยู่แล้ว ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นจึงทำให้ญาติเกิดข้อสงสัยว่า การรักษาพยาบาลไม่เป็นไปตามมาตรฐาน มีสิ่งใดที่แทรกแซงการทำงานของร่างกาย​ หรือมีการประมาทเลินเล่อเกิดขึ้นหรือไม่ ใครต้องรับผิดชอบ ซึ่งยอมรับว่ามีความกังวลว่า เอกสารที่จะได้หลังจากนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือไม่ด้วย โดยตนมีการขอเอกสารการรักษา น.ส.เนติพร 2 ส่วน คือ จาก รพ.ราชทัณฑ์ และ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ ซึ่งยังไม่ได้ในส่วนของ รพ.ราชทัณฑ์

ส่วนเอกสารการรักษาจาก รพ.ธรรมศาสตร์ฯ ตอนนี้ได้รับมาแล้ว ซึ่งระบุไว้ว่า ตอนที่รับตัว น.ส.เนติพร มาช่วงเช้าของวันที่ 14 พ.ค.67 เจ้าตัวไม่มีสัญญาณชีพแล้ว คือไม่มีสิ่งที่บ่งบอกการมีชีวิตอยู่ ไม่มีชีพจร ไม่หายใจ “ซึ่งภาษาของผมก็คือตายมาแล้ว” ก่อนมาถึงมือแพทย์ที่ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ การช่วยเหลือหลังจากนั้นเป็นการช่วยเหลือเพื่อหวังปาฏิหาริย์เท่านั้น และจากเอกสารที่ได้มา ได้มีการนำไปขอความเห็นจากแพทย์อิสระภายนอก ซึ่งมีรายงานจากแพทย์สรุปมาเป็นหลักฐานว่า การรักษาพยาบาลระหว่างทางที่ส่งตัวมาที่ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ นั้น เป็นการรักษาที่ผิดพลาด และมีหลักฐานบางประเด็นที่น่าเชื่อได้ว่า ทางราชทัณฑ์ทราบอยู่แล้วว่า บุ้งเสียชีวิตตั้งแต่ที่ รพ.ราชทัณฑ์ ทั้งนี้ รายละเอียดหลักฐานของ 2 ส่วนนี้ ขอยังไม่เปิดเผยในตอนนี้

ทนายกฤษฎางค์ ยังระบุว่า ก่อนหน้านี้เวลาที่เข้าไปเยี่ยมบุ้ง แพทย์ไม่เคยแจ้งว่าบุ้งมีความเสี่ยงภาวะต่างๆ มาก่อน มีเพียงบุ้งเองที่บอกว่ามีอาการขาบวมและปวดขาเท่านั้น ส่วนเจ็บหัวใจหรือไม่ ไม่มีการแจ้ง ส่วนอาการหัวใจโตเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหน ตนไม่ทราบ ดังนั้น ทั้งหมดทั้งมวลจึงจำเป็นต้องขอประวัติการรักษาของบุ้ง 5 วันสุดท้าย เพราะจะสะท้อนได้ว่าเสียชีวิตเพราะอะไร ซึ่งคดีนี้ไม่ใช่คดีถูกยิงตาย ถ้าถูกยิงตายก็ชัดเจน แต่อ้างว่าเกิดจากการเสียภาวะสมดุล จึงต้องดูภาวะการรักษา


ทั้งนี้ ตนได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมและพูดคุยกับ น.ส.ทานตะวัน ซึ่งยังอยู่ในสภาพจิตใจที่แย่ และเครียด แต่ขอบอกเลยว่า ตนได้ข้อมูลมาเยอะ จากการพูดคุยกับ น.ส.ทานตะวัน เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับบุ้ง ซี่งไม่สอดคล้องกับสิ่งที่ราชทัณฑ์แถลงออกมา ส่วนไม่สอดคล้องอะไรบ้างนั้น ยังไม่ขอตอบในรายละเอียด

นายกฤษฎางค์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการย้าย น.ส.ทานตะวัน จากทัณฑสถาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์ มารักษาที่ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ โดยที่ครอบครัวและทนายความไม่ได้ร้องขอนั้น ก็ค่อนข้างแปลกใจ ซึ่งเท่าที่แถลงข่าวออกมา ก็ทราบว่าย้ายเพราะภาวะเครียด ก็จะได้ทราบไว้ว่า ถ้าผู้ต้องขังมีความเครียดก็สามารถขอออกมารักษาได้

เมื่อถามว่า คิดว่าการย้าย น.ส.ทานตะวัน เป็นเพราะราชทัณฑ์กังวลว่าจะเกิดภาวะเดียวกับบุ้งหรือไม่ ทนายกฤษฎางค์ มองว่า ถ้ากังวลเรื่องนี้น่าจะย้ายมาตั้งแต่ต้นแล้ว ดังนั้น อาจจะไม่ใช่เพราะกังวลเรื่องนี้ หรืออาจกลัวว่าประชาชนจะนำมาใช้เป็นข้ออ้างหากเกิดอะไรขึ้น -419.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

ชีวิตติดลบ! ชาวแม่สายจมน้ำจมโคลน 10 วันแทบหมดตัว

หลายชุมชนชายแดนแม่สาย เผชิญน้ำท่วมและจมโคลนมา 10 วันแล้ว อยู่ในสภาพแทบหมดตัว ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่กับชีวิตที่ต้องติดลบจากน้ำท่วมครั้งนี้

อาลัย “อดีตแข้ง U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา

วงการลูกหนังอาลัย “อดีตนักเตะ U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา ชาวบ้านเผยจุดนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อย ลงสะพานอย่าขับเร็ว

สอบเพิ่ม “ไอ้แม็ก” ฆ่าชิงทรัพย์หญิงขับโบลท์ ฝากขังพรุ่งนี้

ตำรวจคุมตัว “ไอ้แม็ก” สอบปากคำเพิ่มคดีฆ่าชิงทรัพย์โชเฟอร์สาวขับโบลท์ เจ้าตัวปฏิเสธไปชี้จุด อ้างปวดท้องไม่สบาย เตรียมฝากขังพรุ่งนี้