กรุงเทพฯ 2 พ.ค.-ส.อ.ท.-โบรกเกอร์ มอง “พิชัย”เสริมแกร่งเศรษฐกิจ วอน ช่วยแก้ปัญหาสินเชื่อเอสเอ็มอี การดั๊มพ์ราคาสินค้าจากต่างประเทศ ด้านโบรกเกอร์มอง งบ 67ออก-รัฐเร่งใช้การคลังกระตุ้น ก็คาดว่าจะเกิดปฏิกริยา “Buy in May”
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท) กล่าวว่า การปรับ ครม. เป็นการปรับเล็ก ไม่ได้เป็นการปรับใหญ่ รัฐบาลอาจมุ่งเน้นภาคเศรษฐกิจในโหมดการฟื้นฟูอย่างจริงจัง ซึ่งการที่นายพิชัย ชุณหวชิร เป็นรองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และที่สำคัญในทีมของกระทรวงการคลังยังมีการเสริม นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล มาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เรียกได้ว่าเติมเต็มแบบ “ฟูลทีม” ซึ่งช่วงที่ที่รัฐบาลมาใหม่ ๆ มีปัญหาใหญ่ที่งบประมาณปี 67 มีความล่าช้า ล่วงเลยมา 7 – 8 เดือน จึงจะเบิกจ่ายได้ แต่ในขณะนี้ งบฯ 67 เริ่มเข้าสู่ระบบ ต้องรีบเร่งใช้ ในขณะที่ งบฯ ปี 68 ก็ผ่าน ครม.แล้ว ก็คาดว่าจะเร่งเสนอ สภาฯและสามารถใช้ได้ตามกำหนดการปกติที่จะเริ่ม เดือนตุลาคม 67
“การที่ฟูลทีม ส่งสัญญาณว่าจะต้องเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยใช้มาตรการการคลังเป็นตัวหลัก สิ่งที่จะเห็นจากนี้ อยากให้รีบเร่งทำการเบิกจ่ายภาครัฐ เพราะช่วงที่เงินไม่มีล่าช้า ทำให้กระทบต่อสภาพคล่อง การจ้างงาน การจัดซื้อจัดจ้างในภาครัฐที่ส่งผลกระทบไปหลายอุตสาหกรรม เช่น การก่อสร้างต่าง ๆ วัสดุก่อสร้าง ที่ช่วงที่ผ่านมาไม่ค่อยดีนัก ต่อจากนี้น่าจะมีเม็ดเงินที่อัดฉีดเข้าระบบโดยเร่งการเบิกจ่าย ส่วนดิจิทัลวอลเล็ต ถือว่าเป็นนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทย แต่เดิมคาดว่าจะออกตั้งแต่เดือน ก.พ. ที่ผ่านมา แต่ต้องเลื่อนไปช่วงปลายปีในไตรมาสที่ 4 เพราะฉะนั้นจะต้องเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ทั้งงบประมาณการเบิกจ่าย การกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ รวมไปถึงการเตรียมไปสู่ดิจิทัลวอลเล็ตต่อไป” ประธาน ส.อ.ท.ระบุ
ประธาน ส.อ.ท.ยังกล่าวด้วยว่า ในส่วนของ นายพิชัย ที่มาเป็นหน้าหน้าทีมเศรษฐกิจ นับว่าอยู่ในแวดวงเป็นที่ยอมรับอยู่แล้วในทั้งในแวดวงอุตสาหกรรม การค้าการขาย ประวัติการทำงานก็ผ่านบริษัทใหญ่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น CFO ของ บมจ.ปตท. ก่อนที่จะมาดำรงตำแหน่งก็เป็นประธานหลายบอร์ด เช่น บมจ.บางจากฯ และประธานบอร์ดตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ยิ่งมีความเข้าใจ มีประสบการณ์ จะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้
อย่างไรก็ตามขอเสนอภาครัฐ ให้เร่งช่วยเหลือเอสเอ็มอี เพราะขณะนี้จำนวนมากประสบปัญหาการเข้าถึงแหล่งวงเงิน เนื่องจากที่ผ่านมาภาคเอกชนขอเงินกู้ได้ยาก ควรช่วยเหลือว่าจะเข้าถึงแหล่งเงินได้อย่างไร คงต้องมีมาตรการการคลังมาเพิ่มเติม เช่น บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.). มาค้ำประกันเงินกู้ให้ธนาคารพาณิชย์ไว้วางใจ เพราะขณะนี้ธนาคารพาณิชย์เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อมาก ซึ่งที่ผ่านมาเรียกร้องให้ช่วยแก้ปัญหานี้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว รวมถึงเรื่องในเรื่องสินค้าด้อยคุณภาพ ที่เข้ามาดั๊มพ์ราคาในตลาด และลักลอบเข้ามา ส่วนนี้หากไม่เร่งแก้ปัญหาอาจทำให้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ผลเท่าที่ควร
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ์ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า นายพิชัย มีความสามารถ อยู่ในวงการตลาดทุนมานาน ในภาพรวมของตลาดมีความคาดหวังกับการที่จะเข้ามาฟื้นในตัวความเชื่อมั่นของตลาดมากขึ้น ในช่วงถัดไปคงต้องเข้ามาจัดการในเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ในภาพรวม ก็ลุ้นมูลค่าของตลาดที่จะดีขึ้น
“ในเชิงในตัวของ Sell in May จังหวะที่วิ่งเข้าสู่เดือน พ.ค. อยู่แล้ว ต้องเข้าไปดูค่าเฉลี่ยย้อนหลังสิ้นปี สัญญาณเดือนพ.ค. อาจจะปรับตัวลดลงด้วยค่าเฉลี่ยประมาณ 0.3% ก็ต้องบอกว่ามีบางปีลงจริง บางปีอาจจะสวนขึ้นมาไม่ลงก็ได้ มุมมองปีนี้จังหวะของตัวราคาลงมาอยู่ในโซนล่างแล้ว 1,300 กลาง ๆ คีย์ที่ 2 ดูปัจจัยต่างประเทศ FED พูดชัดเจนว่า ไม่ลดดอกเบี้ย และโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยงคงไม่เจอ ไม่เห็นใน 1-2 รอบนี้ ปีนี้ การคาดการณ์ลดอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้ง ก็มีความเป็นไปได้ เฟดมีการทำการลดในฝั่งของ QT ลง เป็นการดึงสภาพคล่องออกจากคลาด การชะลอทำ QT บางส่วนลง เห็นว่าภาวะของสภาพคล่องตลาดไม่ได้ลดออกไหลออกไปแรง ๆ “ นายวิจิตร กล่าว
นายวิจิตร กล่าวด้วยว่า ปัจจัยในประเทศนั้น บจ.ทยอย รายงานผลบประกอบการพบว่าไม่ได้แย่ ออกมาอยู่ในเกณฑ์หลายๆตัวดีกว่าคาด ประกอบกับรอจับตาในช่วงครึ่งปีหลังมาตรการฟื้นเศรษฐกิจของภาครัฐอาจจะค่อย ๆ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดังนั้น เพื่อน ผมมองว่าอาจจะไม่เกิด Sell in May อาจจะเกิด Buy in May ด้วยซ้ำ หากทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ที่บวกขึ้น ก็เชื่อว่า พ.ค. อาจได้ลุ้น มีลุ้นจะวิ่งกลับขึ้นไปในโซนดัชนีทดสอบที่ 1,380 – 1,400 จุดอีกครั้ง
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) 1 พ.ค. 67แถลง เฟด ยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25%-5.50% ตามคาดการณ์ล่าสุด และส่งสัญญาณดอกเบี้ยอาจสูงต่อไปอีกนาน กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงขยายตัวในอัตราที่มั่นคง การจ้างงานยังคงแข็งแกร่ง และอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ พร้อมประกาศเริ่มชะลอการลดงบดุล (QT)หรือการถือครองพันธบัตรกระทรวงการคลังและพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ และหลักทรัพย์ค้ำประกันโดยหน่วยงานรัฐ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้ 1 เดือน
นายเจอโรม พาวเวลล์ ระบุเฟดไม่พอใจกับอัตราเงินเฟ้อ 3% และมุ่งมั่นจะนำเงินเฟ้อลง 2% ให้ได้ โดยที่ประชุมหารือเรื่องการคงหรือลดดอกเบี้ยเป็นหลัก ไม่ได้มีการหารือถึงการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต ซึ่งการที่ จะปรับลดดอกเบี้ยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับข้อมูล.-511-สำนักข่าวไทย