กรุงเทพ 15 เม.ย. – “สุริยะ” เผยการเดินทางสงกรานต์ 2567 ภาพรวมขนส่งสาธารณะรวม 4 วัน ยอดประชาชนเดินทางแตะ 10.4 ล้านคน-เที่ยว เพิ่มขึ้น 7.22% ส่วนยอดอุบัติเหตุวานนี้ (14 เม.ย.) พบลดลงกว่า 21% บาดเจ็บลดลงเกือบ 22% พร้อมสั่งทุกหน่วยงานฯ พร้อมรับประชาชนเดินทางกลับจากภูมิลำเนาวันนี้ (15 เม.ย.)
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงภาพรวมเทศกาลสงกรานต์ 2567 ประจำวันที่ 14 เมษายน 2567 พบว่า ภาพรวมการเดินทางสะสม 4 วัน (11 – 14 เมษายน 2567) มีปริมาณการเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะภายในประเทศและระหว่างประเทศ สามารถรองรับการเดินทางของประชาชนได้อย่างเพียงพอ โดยยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อยู่ที่ระดับ 10,478,277 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้น 7.22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 โดยระบบการขนส่งสาธารณะภายในประเทศ ระบบทางรางมีการใช้บริการสูงสุด คิดเป็นสัดส่วน 45.16%
สำหรับระบบขนส่งสาธารณะภายในประเทศที่มีผู้ใช้สูงสุดในแต่ละภูมิภาค ได้แก่ 1.ภาคกลาง : ทางอากาศ (ขาออก) 172,144 คน-เที่ยว 2.ภาคใต้ : ทางถนน 124,593 คน-เที่ยว 3.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) : ทางถนน 142,074 คน-เที่ยว 4.ภาคเหนือ : ทางถนน 85,675 คน-เที่ยว และ 5.ภาคตะวันออก : ทางถนน 71,776 คน-เที่ยว ขณะที่การจราจรเข้า – ออก กรุงเทพฯ บนทางหลวงสายหลัก 10 เส้นทาง มีปริมาณ 3,983,236 คัน เพิ่มขึ้น 1.72% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านการเดินทางภายในกรุงเทพฯ บนทางด่วนมีปริมาณ 5,680,678 คัน ลดลง 2.70%
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการเกิดอุบัติเหตุ ประจำวันที่ 14 เมษายน 2567 พบว่า เกิดอุบัติเหตุ จำนวนรวม 181 ครั้ง ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 36.11% และลดลง 21.64% จากเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2567 โดยมีจำนวนผู้บาดเจ็บรวม 208 ราย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.17% และลดลง 21.80% จากเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2567 ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตรวม 208 ราย ลดลง 36.11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 32.35% จากวันที่ 13 เมษายน 2567 ซึ่งโดยภาพรวมนั้นการสูญเสียยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง จากที่ทุกหน่วยงานปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด เพื่อต้องการอำนวยความสะดวก และความปลอดภัยของประชาชนถึงที่สุด รวมถึงมุ่งหวังให้การเกิดอุบัติเหตุ การบาดเจ็บ และการเสียชีวิตลดลง โดยสาเหตุที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มาจากบนถนน ประเภทรถจักรยานยนต์ ถัดมาเป็นรถปิคอัพบรรทุก 4 ล้อ เนื่องด้วยขับขี่ยานพาหนะโดยไม่เคารพกฎหมายจราจรและขับขี่เร็วเกินกฎหมายกำหนด จึงก่อให้เกิดอุบัติเหตุและความสูญเสีย ดังนั้น หน่วยงานภาครัฐ วอนข้อความร่วมมือกับประชาชนทุกภาคส่วน ให้ขับขี่ยานพาหนะอย่างระมัดระวัง หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ และเคารถกฎหมายจราจรเป็นที่ตั้ง หากพบผู้กระทำผิด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินผู้กระทำผิดการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด
ขณะที่ภาพรวมสะสม 4 วัน (11 – 14 เมษายน 2567) พบว่า มีอุบัติเหตุบนโครงข่ายถนนของกระทรวงคมนาคม รวม 917 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 119 คน ผู้บาดเจ็บ 996 คน มูลเหตุสันนิษฐานสูงสุด คือ ขับรถเร็วเกินอัตรากำหนด 552 ครั้ง คิดเป็น 60% ยานพาหนะที่เกิดเหตุสูงสุด คือ รถจักรยานยนต์ 497 ครั้ง บริเวณที่เกิดเหตุสูงสุด คือ ทางตรง 657 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 72% จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด คือ นครราชสีมา 8 คน จังหวัดที่เกิดเหตุสูงสุด คือ กรุงเทพฯ 45 ครั้ง โดยสรุปเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนจำนวนอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น 4% จำนวนผู้เสียชีวิต ลดลง 4% และจำนวนผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้น 4% ส่วนโครงข่ายทางรางเกิดอุบัติเหตุ 1 ครั้ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต โครงข่ายทางน้ำ และทางอากาศไม่มีรายงานการเกิดอุบัติเหตุ
ในส่วนการตรวจความพร้อมรถโดยสารสาธารณะ ณ จุดตรวจ จุดพักรถ และจุดจอด 221 แห่ง มีการตรวจรถ 56,136 คัน พบบกพร่อง 8 คัน และสั่งเปลี่ยนรถ 8 คัน ตรวจผู้ปฏิบัติงาน จำนวน 56,136 คน ไม่พบแอลกอฮอล์ หรือสิ่งเสพติด สำหรับรถไฟ มีการตรวจความพร้อมผู้ปฏิบัติงาน จำนวน 295 คน ไม่พบแอลกอฮอล์ หรือสิ่งเสพติด และการตรวจความพร้อมท่าเรือ/แพ จำนวน 168 แห่ง ตรวจเรือ จำนวน 3,583 ลำ พบข้อบกพร่อง 8 ลำ และได้สั่งห้ามพร้อมทั้งเปรียบเทียบปรับทั้ง 8 ลำ และตรวจผู้ปฏิบัติงาน 5,161 คน ไม่พบแอลกอฮอล์ หรือสิ่งเสพติด
นายสุริยะ กล่าวอีกว่า คาดการณ์ว่าประชาชนจะทยอยเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ตั้งแต่วันนี้ (15 เมษายน 2567) ตนได้เน้นย้ำทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ ยังคงคุมเข้มมาตรการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทาง และเตรียมพร้อมระบบขนส่งสาธารณะ ทั้งรถโดยสาร รถไฟ เรือ และเครื่องบิน ต้องมีเพียงพอกับปริมาณผู้โดยสาร และมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ สามารถเข้าถึงง่าย สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ไม่ล่าช้า ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง ไม่โก่งราคา และไม่ทิ้งผู้โดยสาร นอกจากนี้ ได้กำชับให้กรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) สำรวจไฟฟ้าแสงสว่าง และไฟสัญญาณจราจรให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ เพื่อความปลอดภัยแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่ประจำจุดให้บริการประชาชนตลอดเส้นทาง เพื่อพร้อมอำนวยความสะดวกการเดินทางในช่วงขากลับให้เกิดความคล่องตัว ทั้งนี้ ประชาชนสามารถตรวจสอบข้อมูลการเดินทาง และช่องทางบริการให้ข้อมูลข่าวสารและรับเรื่องร้องเรียน และจุดบริการประชาชนผ่านศูนย์ปลอดภัยคมนาคม สายด่วน 1356 ตลอด 24 ชั่วโมง
นายสุริยะ กล่าวต่ออีกว่า ได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) คงมาตรการคุมเข้มตรวจความพร้อมรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถ ณ สถานีขนส่งผู้โดยสาร และจุดจอด จุดตรวจ Checking Point และ Rest Area รวม 221 จุด ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 11 – 17 เมษายน 2567 เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งพนักงานขับรถทุกคนต้องมีระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจเป็นศูนย์มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์และชั่วโมงการขับรถต้องไม่เกินที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งรถโดยสารสาธารณะทุกคันต้องมีสภาพมั่นคงแข็งแรงทั้งสภาพตัวรถภายนอกและภายใน อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยต่าง ๆ ต้องพร้อมใช้งานอยู่เสมอ
ในส่วนของกรมการขนส่งทางราง (ขร.) รายงานว่า เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2567 มีประชาชนใช้บริการระบบรางรวม 1,092,918 คน-เที่ยว สูงกว่าวันเดียวกันของปีผ่านมาจำนวน 307,847 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้น 39.21% (วันที่ 13 เมษายน 2566 จำนวน 785,071 คน-เที่ยว) และสูงกว่าประมาณการ 116,703 คน-เที่ยว หรือสูงกว่าประมาณการ 11.95% (ประมาณการ 976,215 คน-เที่ยว)
สำหรับการเดินทางทางอากาศ มีการบริหารจัดการเที่ยวบินและกระบวนการผู้โดยสารขาเข้าและขาออกเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้เกิดความแออัด ตลอดจนดูแลด้านสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้พร้อมใช้งานและมีเจ้าหน้าที่พร้อมให้บริการเต็มขีดความสามารถ รวมถึงดูแลความปลอดภัยภายในท่าอากาศยาน รองรับการเดินทางของผู้โดยสารในช่วงเทศกาลสงกรานต์ให้ได้รับการบริการที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ซึ่งท่าอากาศยาน มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเวรตรวจติดตามผ่านกล้อง CCTV ตลอด 24 ชั่วโมง
ด้านกรมเจ้าท่า (จท.) โดยศูนย์ปลอดภัยทางน้ำ ได้รายงานสถานการณ์ทางน้ำ เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2567 ได้แก่ บริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาสามารถระบายผู้โดยสารได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง พร้อมกันนี้ได้จัดเจ้าหน้าที่ประจำท่าเรือ เพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน และนักท่องเที่ยว .-513-สำนักข่าวไทย