เซี่ยงไฮ้ 19 มี.ค.- ในวันนี้มีความคืบหน้าสำคัญในวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นปัญหาใหญ่ของเศรษฐกิจจีน เมื่อทางการได้สั่งปรับบริษัทเอเวอร์แกรนด์ (China Evergrande Group) และผู้ก่อตั้งเป็นเงินมหาศาลราว 21,000 ล้านบาท
คณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์ของจีน หรือซีเอสอาร์ซี ( CSRC) ได้กล่าวหาบริษัทเอเวอร์แกรนด์ และนายฮุย กาย่าน ผู้ก่อตั้งบริษัทว่า ฉ้อโกงด้วยการแจ้งรายได้เกินจริงไปถึง 78,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.8 ล้านล้านบาท) ในช่วงเวลา 2 ปีก่อนที่เอเวอร์แกรนด์ผิดนัดชำระหนี้ จึงให้ปรับเป็นเงิน 583 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 21,000 ล้านบาท) นอกจากนั้นยังห้ามนายฮุยทำธุรกิจในตลาดทุนจีนตลอดชีวิตด้วย ด้วยพฤติการณ์ความผิดรุนแรงถึงขั้นสั่งให้พนักงานบริษัทจัดทำรายงานการเงินที่แจ้งรายได้เกินจริงในปี 2562 และ 2563 ตัวเขาเองก็มีโทษปรับเป็นเงิน 6.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐด้วย (ราว 234 ล้านบาท) ขั้นตอนจากนี้ไป คาดว่าทางการจะเข้าไปตรวจสอบทรัพย์สิน และกำหนดการปรับโครงสร้างบริษัท จากนั้นจึงอาจจะยึดทรัพย์สินแล้วนำออกขายไปชดใช้หนี้สินต่อไป
นายฮุย วัย 65 ปี เคยครองตำแหน่งบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของจีน เขาถูกตำรวจควบคุมตัวไว้ตั้งแต่ปลายปี 2566 ในฐานะผู้ต้องสงสัยก่ออาชญากรรม การลงดาบกับเอเวอร์แกรนด์ครั้งนี้ ตอกย้ำว่า บริษัทนี้เป็นต้นตอสำคัญของวิกฤติในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่ต้องประสบปัญหาหนี้สินกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 10.8 ล้านล้านบาท) สร้างปัญหาลุกลามไปยังเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเพราะภาคอสังหาริมทรัพย์มีมูลค่าถึง 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจจีน และเมื่อไม่กี่วันมานี้ซีเอสอาร์ซีได้ประกาศว่า จะปรามปรามการทุจริตหลักทรัพย์ และปกป้องนักลงทุนรายย่อย.-812(814).-สำนักข่าวไทย