ริยาด 2 มี.ค. – ซาอุดีอาระเบียเริ่มเปิดฉากรณรงค์เพื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปี 2034 แล้ว ซึ่งคาดหมายว่า จะประสบความสำเร็จในการได้สิทธิ์เนื่องจากไม่มีประเทศใด ๆ แสดงความสนใจที่จะเป็นเจ้าภาพก่อนกำหนดเส้นตายที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่ากำหนดไว้ในช่วงปลายปีที่แล้ว
โมร็อกโก โปรตุเกสและสเปน เสนอเป็นเจ้าภาพร่วมกันในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 2030 แบบไร้คู่แข่ง ฟีฟ่าจึงจำกัดประเทศที่จะเป็นเจ้าภาพในปี 2034 จะต้องเป็นประเทศที่อยู่ในกลุ่มเอเชียและโอเชียเนีย
ซาอุดีอาระเบียจะเป้นประเทศที่ 2 ที่อยู่ในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียที่ได้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลรายการสำคัญของโลก หลังจากที่กาตาร์ ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของซาอุดีอาระเบีย ได้เป็นเจ้าภาพไปเมื่อปี 2022 สหพันธ์ฟุตบอลซาอุดีอาระเบียกล่าวว่า การรณรงค์จะใช้ชื่อแนวคิดวา “เติบโตไปด้วยกัน” (Growing. Together.) โดยจะแสดงให้เห็นถึงหนทางที่ซาอุดีอาระเบียสร้างความสัมพันธ์กับประเทศอื่น ๆ ผ่านกีฬา ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาซาอุดีอาระเบีย ลงทุนมหาศาลในกีฬาสำคัญ ๆ เช่น ฟุตบอล แข่งรถฟอมูลาวัน มวย และกอล์ฟ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กล่าวหาว่า ซาอุดีอาระเบียกำลังใช้กีฬาเพื่อล้างภาพประวัติการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในประเทศ ในชณะที่ซาอุดีอาระเบียปฎิเสธช้อกล่าวหาเรื่องการละเมิดสิทธิมนุยฃนและกล่าวว่า รัฐบาลปกป้องความมั่นคงแห่งชาติตามกฎหมายของตน
สำหรับขั้นตอนต่อไปคือการส่งเอกสารเต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการให้กับฟีฟ่าในเดือนกรกฎาคม และการประกาศชื่อประเทศที่จะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกปี 2030 และ 2034 จะมีขึ้นระหว่างการประชุมฟีฟ่าในช่วงสิ้นปี ส่วนฟุตบอลโลกครั้งต่อไปจะจัดขึ้นที่สหรัฐ เม็กซิโกและแคนาดาในปี 2026.-813.-สำนักข่าวไทย