“อ.แมน” พบ ตร.ไซเบอร์ แจงปมคลิปพิธีฉาว

กรุงเทพฯ 15 ม.ค. – “อาจารย์แมน” พบตำรวจไซเบอร์ ชี้แจงปมคลิปพิธีกรรมฉาวว่อนโซเชียล ด้านตำรวจแจ้งข้อหานำเข้าสื่อลามกอนาจารฯ ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์


หลังสร้างความฮือฮาในโลกโซเชียลจากคลิปพิธีลงนะในที่ลับ ล่าสุดวันนี้ (15 ม.ค.) อาจารย์แมน อายุ 35 ปี เข้าพบ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 หรือ สอท.1 เพื่อให้ข้อมูล

พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ เปิดเผยว่า วันนี้นายแมน ขอเข้ามาพบเจ้าหน้าที่เอง เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ตำรวจอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน โดยจะตรวจสอบคลิปขณะทำพิธีลงนะในที่ลับ และตรวจสอบคลิปของนายแมนย้อนหลังไปถึงปี 2560 เนื่องจากมีการเผยแพร่ภาพที่ไม่เหมาะสมด้วย


ด้าน พ.ต.อ.รชตโชค ลีวาณิชคุณ ผู้กำกับกลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (บก.สอท.1) เปิดเผยว่า นายแมนยอมรับว่ามีการถ่ายภาพจริง โดยทีมงาน เพื่อนๆ และลูกค้า เพื่อส่งต่อให้ลูกค้า สำหรับเป็นตัวอย่างในการทำพิธี และบางภาพนายแมนเป็นผู้โพสต์ด้วยตนเอง แต่ยังไม่ยอมรับว่าเป็นผู้โพสต์ภาพบางภาพ ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม รวมถึงคลิปและภาพเก่าๆ ที่ไม่เหมาะสมตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งมีอีกจำนวนมาก แต่อาจจะแยกเป็นอีกกรณีหนึ่ง หลังจากนี้จะมีการเชิญลูกศิษย์ในสำนักนายแมนมาให้ปากคำ รวมถึงเข้าตรวจสอบสำนัก เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน

เบื้องต้นการกระทำของนายแมนเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (4) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามก และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ และเจ้าหน้าที่จะแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวกับนายแมนต่อไป

พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ ฝากเตือนไปยังผู้โพสต์และผู้แชร์คลิปที่ไม่เหมาะสมไปยังกลุ่มที่สาธารณะสามารถเข้าถึงได้ ว่ามีความผิดด้วยเช่นกัน และมีโทษสูงคือ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจสอบแล้ว หากพบเห็นจะดำเนินการทั้งหมด เพราะแม้แต่ตนเองก็มีคนส่งมาให้ดูเช่นกัน ขณะที่นายแมนยอมรับผิดและไม่อยากให้มีการเผยแพร่คลิปที่ไม่เหมาะสมดังกล่าวออกไปอีก


ด้านนายแมน กล่าวว่า วันนี้ตนเองมารับทราบข้อกล่าวหาและชี้แจงรายละเอียดสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในส่วนของการแจ้งข้อกล่าวหาขึ้นอยู่กับการรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนตำรวจไซเบอร์ ตนเองยอมรับในข้อกล่าวหาทุกข้อ ไม่ว่าจะเป็นโทษหนักหรือโทษเบา

ขอขอบคุณสื่อทุกท่านที่ให้ความสนใจ อยากจะฝากเตือนสังคมว่าทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งไม่เหมาะสมและไม่ควร ในเมื่อตนเองกระทำลงไปแล้วก็ต้องกราบขออภัยสื่อและสังคม พร้อมย้ำว่าต่อไปตนเองจะไม่ทำพฤติกรรมแบบนี้อีกแล้ว แต่การทำพิธีลงนะหน้าทอง แขน ยังปกติ ยังรับงานอยู่ ยอมรับว่าคลิปประกอบพิธีกรรมลงนะในที่ลับ ตนเองไม่ได้เผยแพร่ แต่เป็นคนอื่นส่งคลิปต่อไปในกลุ่ม หรือนำไปเผยแพร่ในโซเชียล ซึ่งคลิปพิธีกรรมเหล่านี้มีจำนวนไม่มาก เนื่องจากกรณีแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง