รัฐสภา 3 ม.ค.-ผู้นำฝ่ายค้าน ชี้ งบ 67 ไม่ตรงที่หาเสียง ไม่มีแผนงาน จับต้องไม่ได้ เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ เพื่อแบ่งปันอำนาจ วางคนไม่ตรงงาน สะท้อนการวางแผนงบเลื่อนลอย
นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ว่า หลังจากที่ฟังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอ่านหลักการและเหตุผลของร่างพ.ร.บ.งบประมาณแล้ว ทำให้นึกถึงบรรยากาศของปีที่แล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีคนก่อนหน้านี้ ก็มาอ่านแบบนี้ เต็มไปด้วยข้อความสวยหรู แต่เมื่อเข้าไปดูรายละเอียดของร่างงบประมาณปัญหายังมีอยู่เหมือนเดิม คือแผนงานกว้าง จับต้องไม่ได้ สะเปะสะปะ เลื่อนลอย ไม่มียุทธศาสตร์ ไม่จัดลำดับความสำคัญ
ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า 11 ก.ย. 66 นายกฯ แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ว่าประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองภายในประเทศ เกิดวิกฤติรัฐธรรมนูญ วิกฤติเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของประชาชน และวิกฤติความขัดแย้งในสังคม ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหา สร้างความพร้อม และวางรากฐานอนาคตให้กับคนไทยทุกคน รัฐบาลมีกรอบนโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งฝ่ายค้านได้อภิปรายวิพากษ์วิจารณ์ว่า นโยบายของรัฐบาลไม่เหมือนกับที่เคยหาเสียงเอาไว้ ไม่มีความชัดเจน ไม่มีรูปธรรมที่จับต้องได้ ซึ่งนายกฯ บอกว่า เดี๋ยวให้รอดูแผนรายกระทรวง ชัดเจนแน่นอน
“เมื่อตามไปดูแผนรายกระทรวง ก็พบปัญหาว่าไม่ได้มีตัวชี้วัดชัดเจน ไม่สามารถวัดความสำเร็จของนโยบายได้จริง ไม่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายทางนโยบาย เมื่อมาดูไส้ในของแผนงานพบว่าเป็นโครงการเดิม ๆ ที่กระทรวงทำอยู่แล้ว เหล้าเก่าในขวดใหม่ ยัดโครงการประจำของกระทรวง เข้ามาในแนวนโยบายที่รัฐบาลจะทำ ค่อนข้างปะปนกันระหว่างสิ่งที่รัฐบาลจะทำกับสิ่งที่เป็นงานประจำที่หน่วยงานทำอยู่แล้ว เมื่อครม. มีมติครั้งแรกสั่งทบทวนพ.ร.บ. งบ 67 ใหม่ ใช้เวลา 3 เดือนปรับปรุง เพื่อตอบสนองการขับเคลื่อนนโยบาย แต่สุดท้ายหน้าตาของร่างพ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้กลับไม่ต่างไปจากเดิม นายกฯบอกว่ามีนโยบายเร่งด่วน ซึ่งควรสะท้อนอยู่ในร่างกฎหมายนี้ แต่ต้องผิดหวัง เพราะตั้งงบเพื่อดำเนินนโยบายไม่ตอบโจทย์ เช่นเดียวกับนโยบายเร่งด่วนในการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว” นายชัยธวัช กล่าว
ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า ส่วนการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน-งบประมาณเพื่อชดเชยหนี้ให้ กฟผ. จากนโยบายลดค่าไฟ ก็ไม่ได้ถูกตั้งเอาไว้ / ให้คนไทยได้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ซึ่งน่าจะต้องทำประชามติ 1-2 ครั้งในปีนี้ รัฐบาลก็ไม่ได้ตั้งงบเอาไว้รอ กกต.ของบไป 2,000 ล้าน แต่ได้มาแค่ 1,000 ล้าน นโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต ตอนแถลงนโยบายบอกว่าจะไม่กู้ แต่วันนี้ชัดเจนแล้วว่าไม่ตั้งงบใด ๆ ไว้ในร่าง พ.ร.บ.งบ 67 คงดูต้องว่ารัฐบาลจะเสนอ พ.ร.บ.เงินกู้เข้าสู่สภาฯ ได้หรือไม่
“ขอสรุปภาพรวมร่างพ.ร.บ.งบ 67 ที่เสนอมาเป็นเบี้ยหัวแตก สะเปะสะปะ ไม่มียุทธศาสตร์ ทำงานอย่างไม่มีวาระเป้าหมายชัดเจน หน้าปกอาจจะดูดี แต่พอเข้าไปดูไส้ในแล้วไม่ได้ยึดโยงกับเป้าหมายทางนโยบาย ส่วนใหญ่เป็นโครงการเดิม ๆ แต่เอามาโยงให้เข้ากับเป้าหมายใหม่ แถมนับรวมทุกรายจ่ายแล้วเคลมว่าเป็นงบสำหรับการลงทุนใหม่ ที่ชอบทำกันมากที่สุด คืองบตัดถนน กลายเป็นโครงการวิเศษที่สามารถตอบโจทย์ได้ทุกยุทธศาสตร์แบบงง ๆ” นายชัยธวัช กล่าว
ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า มี 200 โครงการใหม่ จากทั้งหมด 2000 โครงการ ซึ่งโครงการใหม่ส่วนใหญ่เกิดจากหน่วยงานใหม่ที่ตั้งขึ้นมาก่อนที่จะมีรัฐบาลใหม่ เป็นโครงการที่หน่วยงานราชการเสนอขึ้นมา ไม่ใช่การผลักดันเพื่อขับเคลื่อนโครงการใหม่จริง ๆ ซ้ำยังคาดการณ์รายได้เกินจริง ประมาณแสนล้านบาท เพื่อจะเพิ่มแผนรายจ่ายได้สูงขึ้น ขณะเดียวกัน ตั้งงบรายจ่ายที่ต้องใช้แน่ ๆ ไว้ไม่เพียงพอ เช่น บำเหน็จบำนาญ เงินเดือนราชการ งบสวัสดิการ นโยบายเพิ่มเงินเดือนราชการ 10% ค่าชดเชยภาษีรถ EV ค่าไฟชดเชยหนี้ กฟผ. จากนโยบายลดค่าไฟ งบซอฟ พาวเวอร์ที่โฆษณาไว้ว่าจะลงงบกว่า 5000 ล้าน
“รายจ่ายที่ไม่ได้ตั้งงบไว้พวกนี้ รวม ๆ แล้วไม่น่าจะน้อยกว่า 1 แสนล้านบาท สุดท้ายก็ต้องปัดไปเป็นรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลังในปีถัดไป แล้วทุกอย่างโยนไปใช้งบกลาง ด้วยสภาพเช่นนี้ จึงมองไม่เห็นวาระเป้าหมายของรัฐบาลผ่านการจัดทำพ.ร.บ. งบประมาณ ซึ่งการจะบรรลุนโยบาย เป้าหมาย ไม่จำเป็นต้องใช้งบเยอะเสมอไป เป็น non-budget policy ได้ แต่การจัดสรรงบประมาณเพื่อขับเคลื่อนประเทศ ก็ไม่ควรจะแย่ขนาดนี้ อย่างเช่น รัฐบาลแถลงนโยบายเร่งด่วนว่าจะสร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินด้วยการฟื้นฟูหลักนิติธรรม แต่วันนี้ไม่แน่ใจแล้วว่า รัฐบาลกำลังจะทำให้สถานการณ์เรื่องระบบนิติธรรมนิติรัฐ เลวร้ายลงไปอีกหรือไม่ เพราะสังคมกำลังถูกตอกย้ำให้ยอมรับกระบวนการยุติธรรมแบบสองมาตรฐาน แบบอภิสิทธิชน กฎหมายและคุกมีไว้ใช้สำหรับประชาชนสามัญที่ไม่ได้มีอำนาจ บารมี หรือเงินทองเท่านั้น” นายชัยธวัช กล่าว
ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า ตลอด 3 วันนี้ สมาชิกพรรคก้าวไกลและพรรคฝ่ายค้านทั้งหมด จะมาอภิปรายแจกแจงให้เห็นเป็นรูปธรรมว่าทำไมร่างพ.ร.บ. งบประมาณฉบับนี้ถึงมีปัญหา อย่างที่ได้กล่าวสรุปภาพรวมเอาไว้ แต่ก็อยากจะทิ้งท้ายไว้ว่า ปัญหาของการจัดทำพ.ร.บ. งบประมาณนี้ สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลชุดนี้เป็นเพียงรัฐบาลรวมการเฉพาะกิจ ไม่ได้มีวาระเป้าหมายทางนโยบายที่จะขับเคลื่อนร่วมกัน แต่รวมการเฉพาะกิจเพื่อแบ่งปันอำนาจ แบ่งกันกินแบ่งกันใช้
“จึงเห็นการจัดตั้ง ครม.แบบผิดฝาผิดตัวเต็มไปหมด ไม่ได้แบ่งงานกันตามวาระเป้าหมาย แต่แบ่งกันตามโควต้าทางการเมือง วางเจ้ากระทรวงไม่ถูกกับงาน เราจึงเห็นนายกฯ ที่เอาแต่สั่งราชการลอย ๆ รอระบบราชการชงให้ แล้วชอบโวยวายเวลาไม่ได้ดั่งใจ แทนที่จะเห็นนายกฯ ที่ทำงานเชิงรุก เข้าไปปลุกปล้ำนโยบายในระดับปฏิบัติ จากที่เคยบอกว่าคิดใหญ่ทำเป็น วันนี้กลายเป็นคิดไปทำไป คิดสั้นไม่คิดยาว หรือไม่ก็คิดอย่างทำอย่าง หากการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้จะมีวาระร่วมกันจริงๆ คงเป็นวาระเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติทางอำนาจของชนชั้นนำ เพราะสภาวะการเข้าสู่อำนาจของรัฐบาลชุดนี้ ได้แสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่า เป็นการรวมตัวกันเพื่อรักษาสภาวะเดิมของสังคมไทยเอาไว้ รวมตัวกันเพื่อฝืนความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย เพื่อปกป้องพลังทางสังคมแบบจารีต และต่อต้านพลังทางสังคมใหม่ ๆ ที่ต้องการอนาคตที่ดีกว่านี้” นายชัยธวัช กล่าว
ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า ก่อนการรัฐประหาร 2549 สังคมไทยมีโอกาสได้เห็นความพยายามของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และเป็นความหวังแห่งการเปลี่ยนแปลง ผู้นำทางการเมืองในขณะนั้นเล็งเห็นว่า หากประเทศไทยจะเจริญก้าวหน้ากว่านี้ได้ จำเป็นต้องปฏิรูประบบรัฐราชการ รวมถึงกระบวนการกำหนดนโยบายและระบบงบประมาณ ที่ล้าสมัยและไม่มีประสิทธิภาพ มีความพยายามที่จะเปลี่ยนระบบงบประมาณ ที่เดิมส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การควบคุมของระบบราชการในกระทรวงต่าง ๆ มาเป็นระบบงบประมาณที่มุ่งเน้นผลงานตามยุทธศาสตร์ของรัฐบาล
“แต่หลังการรัฐประหารจากนั้นเป็นต้นมา รัฐราชการและชนชั้นนำจารีตได้กลับมาควบคุมสังคมไทยอีกครั้ง เราไม่เห็นเจตจำนงและความพยายามของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในการปฏิรูปรัฐไทยอย่างจริงจังอีก เพราะพลังทางการเมืองที่เคยเป็นพลังใหม่ เคยเป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง ปัจจุบันกลับเข้าไปร่วมสมาคมเป็นส่วนหนึ่งของอำนาจเก่าแล้ว เราไม่สามารถอยู่กันแบบเดิม ๆ ได้แล้ว พวกเราในฐานะฝ่ายค้านไม่อยากเห็นเพราะระบบงบประมาณที่เหมือนเดิม ในฐานะฝ่ายค้านเราพร้อมสนับสนุนฝ่ายบริหาร 3 วันต่อจากนี้พวกเราจะทำหน้าที่ผู้แทนอย่างซื่อตรง สร้างสรรค์ ขอให้ตัวแทนรัฐบาลรับคำวิจารณ์ รับฟังข้อเสนอแนะ และความเห็นของพวกเรา หวังว่าสุดท้ายการพิจารณางบประมาณจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างมากที่สุด” นายชัยธวัช กล่าว.-312.-สำนักข่าวไทย