“ชัยธวัช” งงปิดประชุมสภาฯ หนียื้อร่างรายงานนิรโทษกรรม

รัฐสภา 17 ต.ค. – “ชัยธวัช” งงปิดประชุมสภาฯ หนียื้อร่างรายงานนิรโทษกรรม มองเปิดประชุมสัปดาห์หน้าเรื่องเดิมเข้าได้อีก ด้าน “ปกรณ์วุฒิ” ถามเป็นเพราะเสถียรภาพพรรคร่วมรัฐบาลง่อนแง่น หรือไม่ ขณะที่ “โรม” ชี้บรรยากาศเป็นเช่นนี้จะถอนฟืนออกจากกองไฟได้อย่างไร


สส.พรรคประชาชน นำโดย นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค และนายชัยธวัช ตุลาธน ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังประธานในที่ประชุมสภาฯ ปิดประชุม ขณะที่กำลังถกเถียงว่าจะโหวตรับหรือไม่รับรายงานผลการศึกษาของ กมธ.นิรโทษกรรม

นายชัยธวัช กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยกับการที่ประธานสภาฯ ชิงปิดการประชุมก่อน เนื่องจากการพิจารณาควรจะเสร็จในวันนี้ (17 ต.ค.) เพื่อให้สภาฯ ได้พิจารณาวาระอื่นๆ ที่มีอยู่ต่อไป เพราะตนเข้าใจว่าได้มีการคุยกันไว้ก่อนแล้วว่าจะมีญัตติด่วน กรณีการร้องเรียนบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป และยังมีวาระอื่นๆ ที่ควรจะรีบพิจารณาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ก่อนสมัยประชุมจะปิด จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย


นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยและไม่มีเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น เพราะจะเห็นว่า กมธ. แทบไม่ได้ชี้แจงอะไรเลย นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธาน กมธ. ก็แจงเพียงภาพกว้าง ก่อนจะเปิดให้ สส. ได้แสดงความคิดเห็นกัน ซึ่ง กมธ. มีความตั้งใจว่าเมื่อฟัง สส. อภิปรายจนครบหมดแล้วจะลุกขึ้นชี้แจงเนื้อหาสาระที่สำคัญของข้อเสนอ รวมถึงประเด็นที่ สส. ยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน แต่ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับฝ่ายรัฐบาล ทำให้เสียโอกาสที่สภาฯ จะได้ผลักดันวาระที่สำคัญ และไม่รู้ว่าสุดท้ายจะมีปัญหาจนกระทั่งไม่สามารถพิจารณารายงานฉบับนี้ให้แล้วเสร็จภายในสมัยประชุมนี้ได้หรือไม่

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า หากครั้งหน้ามีประเด็นปัญหาอีกก็น่าเสียดาย เพราะไม่ว่ารายงาน กมธ.นี้จะผ่านการพิจารณาของสภาฯ หรือไม่ ในการเปิดสมัยประชุมสภาฯ หน้าก็จะมีร่างกฎหมายนิรโทษกรรมจ่อรออยู่แล้ว 4 ฉบับ ซึ่งเมื่อเช้านี้ตนได้ดูวาระแล้วว่าร่างของอดีตพรรคก้าวไกลอยู่ในลำดับที่ 6 อย่างไรก็ปฏิเสธไม่ได้ ดังนั้น ไม่ควรมีการเตะถ่วงการพิจารณาเรื่องนี้ เพื่อให้ทุกพรรค รวมถึงรัฐบาล รีบนำข้อสรุปความเห็นที่ สส. และสาธารณะ ได้ฟังสาระสำคัญของ กมธ. นำไปเสนอร่างกฎหมายของตัวเอง เพื่อมาพิจารณาพร้อมกับร่างกฎหมายอื่นๆ ที่รอเข้าสภาฯ อยู่แล้วในต้นสมัยประชุมหน้า ทำแบบนี้ไม่มีประโยชน์อะไรเลย

ด้านนายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตกลงแล้วความชัดเจนของรัฐบาลต่อการนิรโทษกรรมจะมีทิศทางเป็นอย่างไร เนื่องจากต้องยอมรับว่าหากดูตามรายงานจะมีเรื่องการนิรโทษกรรม ซึ่งไม่ได้เป็นข้อสรุป แต่เป็นความเห็นของฝ่ายหนึ่งที่เห็นว่าควรรวมมาตรา 112 หรือไม่ควรรวม และยังมีข้อสังเกตอีกหลายประการที่รัฐบาลสามารถทำได้เลย และการที่รายงานฉบับนี้ล่าช้าออกไปทำให้เกิดความไม่ชัดเจนว่า ตกลงรัฐบาลจะเอาอย่างไร แน่นอนว่าการปิดประชุมเป็นอำนาจของประธานสภาฯ แต่เราปฏิเสธไม่ได้ว่าการใช้อำนาจนี้ถูกมองได้ว่าเป็นจุดยืนของรัฐบาลหรือไม่ ที่ไม่ได้ต้องการให้เรื่องนี้มีความชัดเจนในเร็วๆ นี้ ซึ่งส่งผลกระทบกับประชาชนจำนวนมาก และอยากให้สังคมตั้งคำถามดังๆ ต่อรัฐบาลว่าตกลงแล้วจะเอาอย่างไร


โดยรายงานฉบับนี้พยายามหาจุดที่จะประนีประนอมคุยกันได้ วันนี้สิ่งที่เราอยากจะได้ความชัดเจนที่สุดคือแนวทางของรัฐบาลในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง ซึ่งที่ผ่านมาถูกมองว่าการนิรโทษกรรมเป็นส่วนหนึ่งของการถอนฟืนออกจากกองไฟ แต่ถ้าบรรยากาศของสภาฯ เป็นเช่นนี้ เราจะถอนฟืนออกจากกองไฟได้อย่างไร เป็นหน้าที่ของรัฐบาลเพื่อทำให้สภาฯ เป็นที่แห่งความพูดคุยเพื่อคลายความขัดแย้ง ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นความขัดแย้งที่ไม่รู้จบ และยิ่งยากมากขึ้น

ขณะที่นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า หากติดตามการประชุมสภาฯ สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ประธานสภาฯ ได้ปิดประชุมก่อนเวลาที่วิป 2 ฝ่ายได้ตกลงกันไว้ และไม่มีครั้งไหนที่เราสามารถดำเนินการประชุมตามที่วิป 2 ฝ่ายตกลงกันไว้ หากเราติดตามกันตั้งแต่สภาฯ ชุดที่แล้ว จะเห็นว่ามีรองประธานสภาฯ ที่เป็นมือปิดมักจะเป็นตัวแทนมาจากพรรคแกนนำรัฐบาล สาเหตุหนึ่งคือกลัวองค์ประชุมล่ม จะทำให้ประชาชนเห็นว่าฝั่งรัฐบาลอยู่ไม่ครบองค์ประชุม และไม่สามารถประชุมต่อได้ แต่วันนี้พรรคประชาชนแสดงอย่างชัดเจนว่าเราไม่ล่มองค์ประชุมอย่างแน่นอน พร้อมที่จะโหวตไม่ว่าใครจะเห็นอย่างไรกับรายงานฉบับดังกล่าว เพราะถือเป็นวิถีทางประชาธิปไตย เสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยก็ส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่หากเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยก็ตีตกไป สภาฯ ว่าอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวต่อว่า อีกสัญญาณหนึ่งที่ส่งผ่านมาจากการปิดประชุมคือเสถียรภาพของพรรคร่วมรัฐบาล โดยในวันนี้พรรคภูมิใจไทยและพรรครวมไทยสร้างชาติ ประกาศชัดเจนว่าพร้อมจะลงมติ ตนมั่นใจว่าพรรคร่วมรัฐบาลก็ทราบว่าวันนี้องค์ประชุมครบและไม่ล่มอย่างแน่นอน

“การปิดประชุมหนีแบบนี้อาจจะเป็นการไม่อยากให้ทางสาธารณะได้เห็นภาพความขัดแย้งของพรรคร่วมรัฐบาลกันเอง ที่อาจจะส่อถึงเสถียรภาพของพรรคร่วมรัฐบาลที่เริ่มจะงัวเงียง่อนแง่น สถานการณ์แบบนี้ครั้งที่แล้วเกิดขึ้นช่วงปลายรัฐบาลที่พรรคร่วมรัฐบาลเริ่มคุยกันไม่รู้เรื่องและเห็นไม่ตรงกันในหลายเรื่อง ต้องปิดการประชุม เพราะองค์ประชุมล่มกันบ่อยครั้ง” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวต่อว่า การปิดประชุมในวันนี้ไม่มีประโยชน์ เพราะวันที่ 24 ต.ค. ต้องกลับมาพูดคุยกันเรื่องนี้อีกครั้ง ส่วนการที่มีสมาชิกระบุว่าให้ปิดการอภิปรายเลยนั้น ต้องเข้าใจว่าสภาฯ แต่งตั้ง กมธ. ขึ้นมาเป็นตัวแทนไปพิจารณาเรื่องที่เราสนใจ และได้ผลการศึกษากลับมา การอภิปรายของ สส. ควรให้เกียรติ กมธ. ที่ไปศึกษารายงานฉบับดังกล่าว เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและขจัดความเข้าใจผิด หากจะพูดกันแค่ใน สส. และไม่ให้กรรมาธิการอธิบาย ประชาชนอาจจะเข้าใจผิดในบางประเด็น

“เท่าที่ตนฟัง สส.หลายคนก็อภิปรายโดยที่ไม่ค่อยตรงกับข้อเท็จจริง บางท่านอภิปรายเลยไปถึงเป็นการพิจารณาการแก้ไขมาตรา 112 หรือการพิจารณา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมโดยตรง จะจบมีผลบังคับใช้วันนี้เลย ซึ่งที่จริงไม่ใช่แบบนั้น ทางกรรมาธิการก็มีหลายตัวเลือก เพื่อ ครม. นำความเห็นนี้ไปเป็นประโยชน์ในการร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในอนาคต เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้งที่รุนแรงที่ผ่านมา” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

จากการปิดประชุมบ่อยจะต้องมีการคุยนอกรอบกับพรรครัฐบาลหรือไม่ เพื่อป้องกันเหตุขึ้นอีก นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เราคุยมาตลอดแล้วเมื่อเช้าตนรับรู้ถึงสัญญาบางอย่าง ซึ่งได้พยายามเจรจาแล้ว แต่เข้าใจดีว่าการเจรจานั้นอาจจะสำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง ต้องยอมรับกันตามตรงว่าอำนาจในการปิดประชุมเป็นของประธานสภาฯ โดยแท้ แต่กระบวนการเจรจาก็สำคัญเช่นเดียวกัน แต่อยู่ที่เหตุผลที่ปิดเพราะเหตุผลอะไร ตนมองว่าประชาชนและสื่อมวลชนต้องกดดันให้สภาฯ สามารถดำเนินวาระต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประโยชน์สูงสุด

เมื่อถามว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ว่าที่จะมีการเสนอญัตติ หรือวาระอื่นแทรก เพื่อยื้อเวลาไม่ให้เกิดการ ลงมติ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เป็นทางหนึ่งที่สามารถทำได้ แต่ในวาระนี้จะเป็นวาระลำดับแรกของเรื่องที่กรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว หากมีอะไรมาแทรกจะต้องเป็นรายงานของหน่วยงานต่างๆ ที่จะต้องรายงานต่อสภาฯ เมื่อหมดเรื่องเหล่านั้น วาระนี้ต้องเป็นวาระแรก หากจะขยับก็ต้องขอเลื่อนวาระ อาจจะมีการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา แน่นอนว่าเราไม่เห็นด้วย เพราะเรื่องนี้จะจบแล้ว แค่ให้ กมธ. ชี้แจงในประเด็นต่างๆ และลงมติกัน ถือว่าเป็นการเสร็จสิ้น และยืนยันว่าหากไม่ทันสมัยประชุมนี้ รายงานดังกล่าวจะไม่ตก สมัยหน้าเปิดประชุมมาก็ยังพิจารณาได้

เมื่อถามถึงว่าในวันที่ 21 ต.ค. พรรคร่วมรัฐบาลนัดรับประทานอาหารค่ำ น่าจะคิดว่าจะมีการนำเรื่องดังกล่าวไปถกหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องหาทางออกในเรื่องนี้ให้ได้ ซึ่ง กมธ.นี้ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อให้มีผลการศึกษาก่อนที่จะมีการพิจารณาร่างกฎหมาย ยิ่งยื้อไปก็ยิ่งเปล่าประโยชน์ ทำให้ กมธ. ไม่มีความหมายอะไรเลย เมื่อกฎหมายเข้ามาเรายังมีการผ่านการตกผลึกใดๆ เลย ซึ่งนายชูศักดิ์ก็อยู่ใน ครม. คิดว่าคงมีการพูดคุยกันตลอดอยู่แล้ว โดยในสัปดาห์หน้ารัฐบาลจำเป็นที่จะต้องหาทางออกว่าความเห็นต่างในพรรคร่วมรัฐบาลจะจัดการอย่างไร.-315-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ตรวจความพร้อมหมอชิต 2 ให้บริการ ปชช.เดินทางช่วงปีใหม่

นายกฯ ตรวจความพร้อมหมอชิต 2 ให้บริการประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยไม่แจ้งล่วงหน้า กำชับ บขส. อำนวยความสะดวกเตรียมพร้อมรถ สั่งเข้มตรวจแอลกอฮอล์-ยาเสพติดพนักงานขับรถ ป้องกันอุบัติเหตุ

เดินทางปีใหม่สายเอเชีย

ถนนสายเอเชียมุ่งสู่ภาคเหนือรถเริ่มมาก

ประชาชน เริ่มทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนา และไปท่องเที่ยวช่วงส่งท้ายปี 2567 รับปีใหม่ 2568 การจราจรถนนสายเอเชีย ฝั่งขาขึ้นภาคเหนือ ช่วงชัยนาท รถเริ่มมาก

ฉายาตำรวจปี67

เปิด 10 ฉายาตำรวจ ปี 67

สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมฯ เปิด 10 ฉายา ตำรวจ “บิ๊กต่าย” ฉายา “กัปตันเรือกู้” จากภารกิจร้อนในการกอบกู้วิกฤติศรัทธา-ภาพลักษณ์องศ์กร “สารวัตรแจ๊ะ” ได้ฉายา “อย่าเล่นกับระบบ แจ๊ะ”