รัฐสภา 14 ธ.ค.-“รังสิมันต์” ตั้งกระทู้ถามนายกฯ ปมตั๋วตำรวจ เปิดจดหมายลาออกของ ผกก.ตม.ภูเก็ต ส่อเค้าการโยกย้ายไม่เป็นธรรม ด้าน “สมศักดิ์” แจง เปิดเกณฑ์อาวุโสการทำงานชี้เป็นไปตามกฎหมาย ย้ำไม่เกี่ยวกรณี ตั้ง “พ.ต.อ.พัดธงทิว” นั่ง ผกก.ตม.สนามบินภูเก็ต เหตุคนละตำแหน่งกัน
การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้(14 ธ.ค.) มีนาย ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณากระทู้ถามสดของ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ถาม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ต่อประเด็นการบริหารราชการตำรวจที่ไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงแทน
นายรังสิมันต์ ได้ซักถามถึงกรณีที่นายเศรษฐา พูดต่อที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย เมื่อ 21 พ.ย. สื่อให้เห็นว่าส่อว่าจะมีการแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้าย หรือ มีตั๋วผู้กำกับด้วย ซึ่งตามกฎหมายแล้วถือว่ามีการส่อว่าจะเกิดการทำผิดกฎหมายหลายประเด็น
โดยนายสมศักดิ์ ชี้แจงว่า นายกฯ ต้องเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ต่างประเทศ ระหว่างที่มีกระทู้ถามสดนายกฯ อยู่บนเครื่องบิน ส่วนข้อซักถามใน คำพูดของนายกฯ เมื่อ 21 พ.ย. นั้นเป็นการพูดอย่างกระชับ ซึ่งทำให้สังคมเข้าใจในทิศทางหนึ่ง แต่ถูกนำไปขยายผลทางการเมืองเชิงลบ ทั้งนี้จากการอธิบายของนายกฯ ในวันต่อมายืนยันว่าไม่มีการให้ความช่วยเหลือใดๆ ส่วนประเด็นเรื่องการขอมาเยอะ เป็นการหารือของสส.ในพื้นที่ที่เป็นตัวแทนประชาชน ต้องการคนที่เหมาะสมพัฒนาพื้นที่และแก้ปัญหาอาชญากรรม หนี้นอกระบ และยาเสพติดในพื้นที่ที่เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล
“การนำคำพูดไปตีความไม่เกิดประโยชน์กับประชาชนส่วนรวม จากที่ผมได้เห็นเอกสารและแนวทางที่นายกฯ เข้ามาเพื่อตั้งใจแก้ปัญหาบ้านเมือง แต่คำพูดที่เกิดขึ้น สามารถถูกนำไปตีความได้ ทั้งนี้นายกฯ ได้ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าไม่สามารถแทรกแซงการแต่งตั้งได้ เพราะมีกฎหมายตำรวจกำกับการใช้อำนาจของนายกฯ ไว้” นายสมศักดิ์ ชี้แจง
จากนั้นนายรังสิมันต์ ตั้งคำถามถึงประเด็นการทำนโยบายเพื่อขจัดการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า พ.ต.อ.ธเนศ สุขชัย ผู้กำกับการ ตม.จว.ภูเก็ต ได้ทำจดหมายลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากได้รับความไม่เป็นธรรมจากการแต่งตั้งโยกย้าย รวมถึงกรณีที่พบว่ามีการระบายความอึดอัดของตำรวจในพื้นที่ต่างๆ ที่สะท้อนถึงปัญหาการแต่งตั้งที่ไม่เป็นธรรม
นายสมศักดิ์ ลุกขึ้นชี้แจงว่า การวิจารณ์เรื่องการโยกย้ายในพื้นที่จ.ภูเก็ต เพราะไม่มีข้อมูลไม่ครบถ้วน ซึ่งการพิจารณาดังกล่าวต้องใช้เกณฑ์ความรู้ความสามารถ และการครองตำแหน่ง ทั้งนี้ กรณีของพ.ต.อ.ธเนศ ที่ย้ายไปเป็น ผกก. ตม.จว.ประจวบคิรีขันธ์ และให้ พ.ต.อ.เกรียงไกร อาริยะยิ่ง ผกก.ตม.จว.นครพนม เข้ามาแทนนั้น หากพิจารณาจากความอาวุโส พบว่า พ.ต.อ.ธเนศ มีอาวุโส 6 ปี ขณะที่ พ.ต.อ.เกรียงไกร อาวุโส 15 ปี ขณะที่ พ.ต.อ.พัดธงทิว ดามาพงศ์ ผกก.ตม.สนามบินภูเก็ต ที่ถูกวิจารณ์นั้น ข้อเท็จจริงเป็นคนละตำแหน่งกับ ผกก.ตม.จว.ภูเก็ต ดังนั้นหากพิจารณาการโยกย้ายตามความอาวุโสไม่เป็นที่น่าสงสัยหรือผิดปกติอะไร
“คนที่ใกล้ชิดนายกฯ ไม่ใช่จะถูกได้รับการโปรโมททุกคน อย่าง นายตำรวจติดตามผม ไม่ได้พิจารณาแต่งตั้ง คนที่ผมคุ้นเคยพบว่าถูกย้ายไปในที่ที่ไม่ต้องการ ซึ่งเป็นไปตามแนวทางของกฎหมาย ทั้งนี้การบรรจุแต่งตั้งนายตำรวจ ในส่วนตำแหน่งต่างๆ นั้นพบว่า ก.ตร. พยายามเกลี่ยให้เป็นไปตามงานที่คั่งค้าง เช่น การบรรจุแต่งตั้งพนักงานสอบสวน ที่พบว่าบรรจุแล้วกว่า 2,000 คนจากอัตราที่มี กว่าหมื่นคน” นายสมศักดิ์ ชี้แจง.-312.-สำนักข่าวไทย