รัฐสภา 2 ธ.ค.-รมช.สธ. แจงแผนรับมือโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน สั่งเตรียมพร้อมเรื่องยา มองภูมิคุ้มกันหมู่อาจไม่ช่วย ต้องเร่งฉีดวัคซีน 90%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในกระทู้ถามสด โดยส.ส. พรรคก้าวไกลและส.ส.พรรคเพื่อไทย ถึงมาตรการรับมือโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน และความพร้อมด้านวัคซีนและดูแลประชาชน ทั้งนี้ในการตั้งถามกระทู้ช่วงหนึ่งของนายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย สอบถามถึงความชัดเจนต่อแนวคิดการปิดประเทศเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในประเทศ เหมือนกับประเทศอิสลาเอลและ ญี่ปุ่น เป็นต้น
โดยนายสาธิต ชี้แจงว่าโควิดสายพันธุ์ใหม่ควบคุมไม่ง่าย แต่สามารถรับมือได้ อย่างไรก็ดีข้อมูลเกี่ยวกับสายพันธุ์โคไมครอนยังไม่ชัดเจน ทราบแค่ว่าอาการคล้ายกับสายพันธุ์เดลต้า และยังตอบไม่ได้ว่าต้องปิดประเทศหรือไม่ รวมถึงต้องไม่ผลีผลามตัดสินใจ แต่รัฐบาลไม่ประมาท เพราะยอมรับว่าไม่สามารถปิดกั้นโรคระบาดได้ 100% แต่มาตรการที่รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการ อยู่ในระดับน่าพอใจ
นายสาธิต ชี้แจงด้วยว่า องค์การอนามัยโลกให้คำแนะนำกับประเทศไทย ต่อการปฏิบัติตัวกับประเทศที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนว่า ในประเทศที่มีความเสี่ยงสูง คือ งดลงทะเบียนเข้าประเทศ ส่วนผู้ที่เข้าประเทศต้องกักตัว นอกจากนั้นกระทรวงได้ทำหนังสือแจ้งไปยังทุกจังหวัด ให้สอบสวนและควบคุมโรคอย่างเข้มข้น รวมถึงตรวจสอบผู้ติดเชื้อทุกกรณีเพื่อป้องกันให้ดีที่สุด
“ช่องทางธรรมชาติน่ากลัวที่สุด แต่นายกฯ สั่งการไปยังฝ่ายความมั่นคง หากพบผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย หากเจ้าหน้าที่ปล่อยปละจะดำเนินการเด็ดขาดกับผู้ละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ผมแปลกใจ ทุกครั้งที่จับคนลักลอบเข้าประเทศ จับได้แต่คนที่หนีเข้าประเทศ แต่จับคนนำพา หรือผู้ให้การพักพิงไม่ได้ โดยนายกฯ สั่งแล้วให้จัดการเด็ดขาด เพราะเป็นช่องทางที่เสี่ยงต่อการเล็ดลอดของไวรัสโอมิครอนมากกว่าทางอากาศ” นายสาธิต กล่าว
นายสาธิต ยังชี้แจงถึงเรื่องการเตรียมพร้อมวัคซีนป้องกันโควิดสายพันธุ์โอมิครอน และการปรับแผนฉีดวัคซีนเข็ม 3 ว่า หากสถานการณ์ของโอไมครอนแพร่ระบาดรุนแรง และมีแนวโน้มที่คุมไม่อยู่ การฉีดวัคซีนเข็ม3 อาจมีความจำเป็นที่ต้องลดเวลาฉีดวัคซีน จากที่กำหนดให้มีระยะห่าง 6 เดือน ซึ่งขณะนี้มีข้อมูลในต่างประเทศว่า ผู้ที่มีอัตราติดเชื้อสูง คือ ในกลุ่มผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีน และส่วนตัวเห็นว่าภูมิคุ้มกันหมู่อาจไม่ช่วย ดังนั้นต้องฉีดวัคซีนเข็มหนึ่งและเข็มสองให้ได้ 90% จากปัจจุบันที่ฉีดแล้ว 70% เพื่อป้องกันการเจ็บหนักหรือเสียชีวิต
“เมื่อวันอังคาร ที่ 30พ.ย. ที่ผ่านมา สมาคมผู้ประกอบการของสหรัฐอเมริกา รวมถึงบริษัท ไฟเซอร์ บริษัทผู้ผลิตยา เข้าพบนายกฯ ร่วมพูดคุยถึงการขึ้นทะเบียนรับรองยาจากไฟเซอร์ อย่างไรก็ดีมียาของไฟเซอร์ที่รอการรับรองจากสหรัฐอเมริกา ผมสั่งการให้ อย. ว่าหากมีข้อมูลจากสหรัฐอเมริกาที่มากพอและเป็นข้อมูลฉบับเดียวกันต้องเร่งอนุมัติเพื่อขอมติครม. เพื่อสั่งซื้อ โดยรัฐบาลได้เตรียมเงินกู้ งบกลางไว้พร้อมแล้ว” นายสาธิต กล่าว
รมช.สาธารณสุข ยังชี้แจงในคำถามของนายโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ต่อการเข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ ว่า การเข้าร่วมดังกล่าวต้องพิจารณาถึงผลด้านบวก และด้านลบ และทราบว่าประเทศที่เข้าร่วมโครงการยังมีปัญหาจัดส่งวัคซีน ส่วนที่เป็นข้อกังวลว่าไทยจะเสียสิทธิในนวัตกรรมใหม่ๆ นั้น ประเทศไทยยังมีสิทธิ และมีความร่วมมือทุกทางที่ทำให้เกิดประโยชน์กับคนไทย รวมถึงมีนวัตกรรมที่คิดและทำเอง โดยได้ประสานงานกับองค์กรนานาชาติ รวมถึงองค์การอนามัยโลก ทั้งนี้รัฐบาลจะเดินหน้าทำให้สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย.-สำนักข่าวไทย