กาญจนบุรี 9 ธ.ค. – นายกฯ ไม่เห็นด้วยขึ้นค่าแรงขั้นต่ำน้อยเกิน เปรียบขึ้นค่าแรง 3 จังหวัดใต้ 2 บาท ซื้อไข่ลูกหนึ่งยังไม่ได้ เตรียมคุยทุกฝ่ายเกี่ยวข้องปรับแนวทางให้เหมาะสม วอนผู้ประกอบการเห็นใจลูกจ้าง ย้ำที่ผ่านมารัฐบาลช่วยผู้ประกอบการลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ เปิดตลาดใหม่
ที่ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการไตรภาคี มีมติปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ 2-16 บาท ว่า ค่าแรงขั้นต่ำของเราไม่ได้ขึ้นมานานมาก และขึ้นมาน้อยมาก ขณะที่ค่าครองชีพสูงขึ้นทุกวัน โดยรัฐบาลพยายามทำหลายวิธี ที่จะให้ลดค่าใช้จ่าย ค้างค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน พักหนี้เกษตรกร และอีกหลายอย่าง เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความทุกข์ของประชาชน รวมไปถึงการแก้ไขหนี้นอกระบบ และหนี้ในระบบ รัฐบาลพยายามทำอยู่ เพื่อลดค่าใช้จ่าย ขณะที่เรื่องของการเพิ่มรายได้ก็สำคัญ โดยประชาชนหลายสิบล้านคนต้องพึ่งค่าแรงขั้นต่ำจำนวนมาก บางจังหวัดขึ้นแค่ 7-12 บาทเท่านั้น ซึ่งน้อยเกินไป ทั้งที่รัฐบาลพยายามที่จะยกระดับให้ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมไฮเทค ประชาชนมีรายได้สูงขึ้น ตนเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อที่จะดึงบริษัทใหญ่มาลงทุนในไทย ไปเปิดตลาดค้าขายใหม่ในต่างประเทศ ที่ไทยยังไม่มีสนธิสัญญาทางการค้า สิ่งเหล่านี้รัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่ แต่ผู้ประกอบการหรือนายจ้าง ต้องขอวิงวอนและขออ้อนวอนว่า พี่น้องแรงงานคือผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เมื่อมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น อีกทางหนึ่งรัฐบาลพยายามทำทุกทาง แต่การขึ้นรายได้ ผู้ประกอบการต้องพยายามทำ ไม่ใช่มากดค่าจ้าง แล้วนายจ้างไม่ได้พัฒนากิจการของตัวเองเลย ผู้ประกอบการต้องพัฒนาตัวเอง เพราะปัจจุบันนายจ้างก็ได้ประโยชน์จากการลดค่าไฟ ค่าน้ำมัน และอีกหลายอย่าง ตามมาตรการของรัฐบาล วันนี้จะยอมให้แรงงานประชาชนคนไทยต่ำติดดินแบบนี้ ประเทศที่ใกล้เคียงกับไทย เช่น สิงคโปร์ หรือเกาหลี สิงคโปร์ค่าแรงขั้นต่ำต่อวัน 1,000 บาท เราจะยอมให้พี่น้องประชาชนของเราเป็นพลเมืองชั้น 2 ชั้น 3 ของโลกหรือ ในเมื่อค่าแรงขั้นต่ำติดดินขนาดนี้ เมื่อรัฐบาลพยายามยกระดับภาคอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการก็ควรที่จะทำไปพร้อมๆ กัน ถ้าทำเพียงฝ่ายเดียวเป็นไปไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในเรื่องค่าแรงจะมีโอกาสทบทวนใหม่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องขอทบทวนใหม่ เดี๋ยวจะต้องไปพิจารณาดูถึงแนวทางความเหมาะสม เพราะเพิ่งทราบข่าวเรื่องนี้ แต่คงไม่ใช่การสั่งการ แต่เป็นการพูดคุยร่วมกัน เราต้องพูดถึงองค์รวมของเศรษฐกิจ และการทำธุรกิจ ไม่ใช่แค่ขึ้นค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกอบการหรือนายจ้างอย่างเดียว แต่ยังมีการเพิ่มรายได้เปิดตลาดที่มากขึ้น ที่ผ่านมาผู้ประกอบการหรือนายจ้างก็ได้ประโยชน์ไปแล้ว ถึงเวลาต้องคืนให้กับคนที่เป็นกำลังสำคัญในภาคผลิตด้วยหรือเปล่า พอพ้นจากวันหยุดก็จะมีการเรียกคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เชื่อว่าเรื่องนี้ทุกคนมีความกังวลหมด ขอให้คิดถึงใจเขาใจเรา
เมื่อถามย้ำว่า ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้รับการปรับขึ้นมานาน แต่ขณะนี้ปรับเพียงแค่ 2 บาท จะมีการพิจารณาใหม่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้คุยกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้พูดคุยกันเรื่องนิคมอุตสาหกรรม การพัฒนาท่องเที่ยว การเปิดด่านสะเดา มีการลงทุนสร้างสะพานไปยังมาเลเซีย สิ่งเหล่านี้เป็นการสร้างความมั่นใจให้ผู้ประกอบการ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงขึ้นแค่ 2-3 บาท ยอมรับว่าตนไม่สบายใจ จึงอยากใช้เวทีนี้สื่อสารไปถึง และขอความเป็นธรรมให้กับพี่น้องแรงงาน ไม่อย่างนั้นจะติดกับรายได้ต่ำ ต้องคุยทั้งกับไตรภาคี และใน ครม. เพราะเรื่องค่าแรงขั้นต่ำเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า การปรับขึ้นค่าแรงที่เป็นธรรมควรจะอยู่ที่ตัวเลขเท่าไหร่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องขึ้นไปสูงกว่านี้ โดยจะต้องฟังเหตุผลของเขาเหมือนกัน อย่างที่บอก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้น 2-3 บาท ซื้อไข่ลูกหนึ่งยังไม่ได้
เมื่อถามย้ำว่า ผู้ประกอบการจะอ้างเรื่องผลประกอบการไม่ดี เพราะสภาพเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลก็พยายามช่วยอยู่ โดยเฉพาะการลดค่าไฟที่ภาคอุตสาหกรรมได้ประโยชน์ จากที่ 4.50 บาท/หน่วย ลดมาเหลือ 3.99 บาท/หน่วย ดังนั้น ขอให้คืนกับประชาชนบ้าง ขอย้ำว่ารัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลักอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า หากมีการปรับเพิ่มขึ้นจำนวนมาก อาจจะมีปัญหาเรื่องของการย้ายฐานผลิตออกจากประเทศไทย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ไม่มีหรอกครับ อันนี้เป็นวาทกรรม ไม่มีใครย้ายเพราะค่าแรงขึ้นจาก 300 เป็น 400 บาท ไม่มีหรอก รัฐบาลยังมีมาตรการส่งเสริมด้านภาษี มีระบบสาธารณสุขที่ดี สถานศึกษาก็ดี โครงสร้างพื้นฐานและสนามบินก็ดี ท่าเรือน้ำลึกก็มี ที่ตนเดินทางไปต่างประเทศก็ได้เซ็น MOU กับหลายบริษัทใหญ่ๆ ทั้งโรงงานรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ถ้าผู้ประกอบการไม่ช่วยกันก็ไปลำบาก”
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะพยายามทำให้ได้ถึง 400 บาท ตามนโยบายที่ได้ประกาศไว้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องดูตามความเหมาะสม ในจังหวัดใหญ่อาจจะได้ถึง 400 แต่จังหวัดเล็กอาจจะไม่ถึง ต้องดูความเหมาะสม ขอย้ำว่าสิ่งต่างๆ ที่รัฐบาลพยายามทำ เพื่อให้นายจ้างสามารถส่งสินค้าออกไปได้ และยังอำนวยความสะดวก เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกอบการ
เมื่อถามว่า นายกฯ จะสื่อสารไปยังผู้ใช้แรงงานอย่างไร เพื่อไม่ให้ออกมาเคลื่อนไหว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และประกาศชัดเจนว่าไม่เห็นด้วย ขอให้ผู้ใช้แรงงานดูการกระทำ ว่าตนมีความจริงใจขนาดไหนอย่างไร เราให้ความสำคัญสูงสุด การที่ตนไปพูดที่หอการค้าไทย ขอให้ฟังดูว่าเขาดีใจหรือไม่ที่รัฐบาลขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับสภาอุตสาหกรรมฯ รัฐบาลพยายามสร้างความมั่นใจให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน และเข้ามาอยู่ในประเทศไทยง่ายและปลอดภัยขึ้น ทั้งหมดเพื่อสร้างความมั่นใจ
“วันนี้ผมไม่ได้มาหาเสียง เพราะการหาเสียงจบไปแล้ว แต่เราพูดถึงความเป็นจริงว่า ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนต้องได้รับการดูแลควบคู่กันไปด้วย ขออ้อนวอนไปถึงนายจ้างให้ความเป็นธรรมกับผู้ใช้แรงงานด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการนำเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ครม. จะพิจารณาอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องดูว่ามีความจำเป็นว่าจะเสนอเข้ามาหรือไม่ ถ้าเสนอเข้ามา ตนไม่ยินยอม ไม่เห็นด้วยแน่นอน ตนเชื่อว่านโยบายค่าแรงขั้นต่ำ เราดูที่ความเหมาะสม เราเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลนี้ หลายประเทศค่าแรงขั้นต่ำเขามากกว่านี้ วันนี้เราชนะสิงคโปร์ในแง่ดึงดูดนักลงทุน บริษัทใหญ่เข้ามาสร้าง Data Center เป็นนิมิตหมายอันดีว่าประเทศเรามีศักยภาพสูง แต่ทำไมจึงไปกดผู้ใช้แรงงานที่จะมาช่วยพัฒนาประเทศ
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีรู้สึกเหมือนมีความฉุนเฉียวที่พูดถึงเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ไม่เกี่ยวกับฉุน” เพราะการที่เป็นนายกรัฐมนตรีต้องดูแลประชาชน 60 ล้านคน ไม่ใช่ดูแลแค่มาเอาคะแนนเสียงกับผู้ใช้แรงงานอย่างเดียว แต่นายจ้างและผู้ประกอบการก็ไปรับฟังความเห็นตลอด และพร้อมจะช่วยเหลือ สิ่งเหล่านี้ค่อนข้างเป็นรูปธรรมอยู่แล้ว.-316-สำนักข่าวไทย