ตำรวจสอบสวนกลางแถลงทลายเครือข่ายฟอกเงิน ยึดทรัพย์ 300 ล้าน

กทม. 29 พ.ย.-ตำรวจสอบสวนกลางแถลงทลายเครือข่ายฟอกเงิน ชักชวนลงทุน พบ 1 ใน 4 ผู้ต้องหาคือสามี “กีกี้ แม็กซิม” ยึดทรัพย์ 300 ล้านบาท

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงยึดอายัดทรัพย์ เครือข่ายฟอกเงินของผู้กระทำความผิดคืนแผ่นดินกว่า 300 ล้านบาท พร้อมขยายผลทลายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ สามารถรวบผู้ต้องหาได้ 4 ราย พบหนึ่งในนี้คือสามีของกีกี้ แม็กซิม ซึ่งถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติกับกระทำความผิดฐานฟอกเงินไปก่อนหน้านี้


คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สนธิกำลังบุกตรวจค้นผับแห่งหนึ่งย่านรัชดา ซอย 4 พร้อมกับอีกหลายสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการหลอกลวงผู้เสียหายชักชวนให้ลงทุนในสกุลเงินดิจิตอล สามารถรวบผู้ร่วมขบวนการและกลุ่มบัญชีม้าได้จำนวนทั้งสิ้น 9 ราย แบ่งเป็นชาวจีน 2 ราย และชาวไทยอีก 7 ราย โดย 1 ในนี้คือกีกี้ Maxim รวมทั้งสามารถตรวจยึดทรัพย์สิน เพื่อตรวจสอบมูลค่ามากกว่าพันล้านบาท

จากการสืบสวนขยายผล พบว่าขบวนการดังกล่าว ได้นำเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดมาฟอกเงิน ไปลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์เป็นบ้านหรูและลงทุนธุรกิจร้านอาหารในพื้นที่รัชดา อีกทั้งยังพบชื่อของนายรวน หง หลิน สัญชาติจีน สามีของกีกี้ แม็กซิม ร่วมลงทุนมากกว่า 200 ล้านบาท


เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐานและขออำนาจศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาในขบวนการสืบเนื่องเพิ่มเติมอีก 4 ราย ประกอบไปด้วยชาวจีน 2 ราย และชาวไทย 2 ราย ซึ่งหนึ่งในจำนวนนี้รวมถึงนายรวน หง หลิน สัญชาติจีน สามีของกีกี้ แม็กซิม ด้วย ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และร่วมกันฟอกเงิน

ต่อมาช่วงวันที่ 24-28 พฤศจิกายน เจ้าหน้าที่จึงนำกำลัง เข้าจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับทั้ง 4 ราย โดยพบว่า ผู้ต้องหาหนังสือราย มีพฤติการณ์ เป็นทั้งบัญชีม้ารับแลกเงินรับผลประโยชน์จากหัวหน้าแก๊งองค์กรอาชญากรรม โดยเฉพาะนายรวน เป็นผู้รับผลประโยชน์รายใหญ่ของขบวนการและนำเงินไปฟอกเพื่อทำธุรกิจ ผับบาร์ และร้านอาหาร

อีกทั้งยังสามารถตรวจยึดทรัพย์สินมาตรวจสอบได้หลายรายการ เช่น บ้านหรูจำนวน 2 หลัง มูลค่า 80 ล้านบาท สถานบันเทิงมูลค่าการลงทุนกว่า 200 ล้านบาท รถ Alphard 3 คัน สมุดบัญชีธนาคารหลายรายการ และสุราต่างประเทศมูลค่า 1.3 ล้านบาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ทั้งสิ้น 300 ล้านบาท รวมเบ็ดเสร็จแล้วทั้งขบวนการดังกล่าว สามารถผลิตยึดทรัพย์สินได้จากครั้งแรกและครั้งที่ 2 มากถึง 1,300 ล้านบาท


เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยตัวนายรวน ถือว่าเป็นผู้ร่วมขบวนการระดับสูง และในทางการสืบสวนพบว่ายังมีหัวหน้าที่สูงกว่าอีก ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการติดตามตัว เบื้องต้นพบว่าระดับหัวหน้าของขบวนการนี้เป็นชาวจีน อยู่ที่คิงโรมัน ประเทศลาว. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง