ไล่ล่าหนุ่มวัย 19 ผู้ต้องหาค้ายากระโดดรถตู้หนี้ศาล

ขอนแก่น 17 ก.ค.-ตำรวจขอนแก่นปิดเมืองไล่ล่าหนุ่มวัย 19 ผู้ต้องหาค้ายาเสพติด หลังกระโดดหนีจากรถตู้ขณะนำตัวมาขออำนาจศาลฝากขัง 


ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ได้วิทยุแจ้งขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ พร้อม บก.สส.ภาค 4  เพื่อไล่ล่าติดตามจับกุมผู้ต้องหาหลบหนีการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขาสวนกวาง ขณะนำตัวมาขออำนาจศาล จ.ขอนแก่น ภายหลังทราบชื่อว่า นายยอดปัญญา อายุ 19 ปี และ นายวุฒิชัย อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาฐานความผิด มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ทั้งสองคนหลบหนีขณะที่ถูกสวมกุญแจมือ จากการสอบถามชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ บอกว่า ขณะรถยนต์ควบคุมตัวผู้ต้องหา ขับเข้ามาภายในเขต ศาล จ.ขอนแก่น โดยกำลังชะลอรถเพื่อเลี้ยวเข้าศาล ซึ่งมีตำรวจนั่งข้างหน้า 2 คน และ ข้างหลัง 1 คน นายยอดปัญญา และ นายวุฒิชัย ถูกควบคุมอยู่ภายในรถ ได้เปิดประตูรถวิ่งหลบหนี ออกไปทางประตูด้านหน้าศาล ไปในชุมชนที่ตั้งอยู่ติดกันในเขตเทศบาลนครขอนแก่น โดยมีเจ้าหน้าที่วิ่งไล่ติดตามจับกุม เมื่อกำลังเจ้าหน้าที่ไปตรวจที่ บขส.ขอนแก่น สาขา 1 ถ.ประชาสโมสร ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ได้พบเห็นนายวุฒิชัย วิ่งอยู่ในชานชลา จึงได้ควบคุมตัวมาได้ ส่วนนายยอดปัญญา ขณะนี้หลบหนีเข้าไปในชุมชนรถไฟเทพารักษ์ เจ้าหน้าที่ได้ติดตามแต่ไม่พบตัว 


พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา ผบช.ภ.4 เผยผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่ระหว่างการควบคุมตัวของพนักงานสอบสวน สภ.เขาสวนกวาง ในคดียาเสพติด และต้องนำตัวเพื่อขออำนาจศาล จ.ขอนแก่น ฝากขังเป็นผัดแรก โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 รายสวมใส่กุญแจมือนั่งอยู่ภายในรถตู้ควบคุมตัวผู้ต้องหา ก่อนจะเปิดประตูรถวิ่งหลบหนีไป โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำการควบคุมตัวมาด้วยนั้นวิ่งไล่ล่าติดตามจับกุม ขณะนี้จับกุมผู้ต้องหาชื่อว่านายวุฒิชัย ได้แล้ว ยังเหลือนายยอดปัญญา ซึ่งสวมใส่เสื้อ กล้ามสีขาว สูงประมาณ 170 ซม. ผิวสีแดง-ดำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างไล่ล่าติดตามจับกุม ค้นหาทุกจุดในเขตเทศบาลนครขอนแก่น และไปเฝ้าที่บ้านของนายยอดปัญญาที่บ้านใน อ.เขาสวนกวางอีกด้วย พร้อมทั้งมีการเผยแพร่ภาพของผู้ต้องหาที่หลบหนีไป ในสื่อโซเชียลและนำภาพให้กับประชาชนในพื้นที่ได้ตรวจสอบเพื่อเร่งติดตามจับกุม

การควบคุมผู้ต้องหารายนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจในรถตู้ 3 คน ผู้ต้องหา 7 คน จะต้องมีการตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่เพียงพอหรือไม่ ในการควบคุมผู้ต้องหามาส่งฟ้องศาล หรือฝากขังศาล เพื่อไม่ให้ผู้ต้องหารายอื่นๆ เอาเป็นแบบอย่าง โดยเฉพาะนายยอดปัญญาและนายวุฒิชัย ถูกควบคุมตัวอยู่ ในรถขณะที่สวมใส่กุญแจมือด้วย ดังนั้นผู้บังคับบัญชาต้องตรวจสอบว่าเหตุการณ์ ที่ผู้ต้องหาหลบหนีไปได้ ขณะที่ถูกควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นข้อบกพร่องของใครก็ต้องดำเนินการไปกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบในเรื่องนี้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน ของวินัยต่อไป.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง