fbpx

“ธรรมนัส” สั่งเข้มสกัด “ยางเถื่อน” เล็ดลอดชายแดน

กรุงเทพฯ 22 พ.ย.- รมว. เกษตรฯ กำชับเข้มกยท. และกรมวิชาการเกษตรมาให้ป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้า “ยางเถื่อน” ตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด ล่าสุดได้รับรายงานว่า มีการตรวจยึด “ยางเถื่อน” จึงสั่งให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า เจ้าหน้าที่ปล่อยปละละเลยหรือไม่ พร้อมทั้งการตรวจสอบพื้นที่ปลูกยางทั่วประเทศเพื่อบริหารจัดการตลอดห่วงโซ่อุตสาหกรรมยางเพื่อรักษาเสถียรภาพราคา


ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า ได้เรียกผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) และอธิบดีกรมวิชาการเกษตรมากำชับเรื่องการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้ายางพาราผิดกฎหมาย โดยวานนี้ได้รับรายงานว่า มีการจับกุม “ยางเถื่อน” ที่ลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านจึงสั่งการให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า เจ้าหน้าที่ปล่อยปละละเลยหรือไม่

ทั้งนี้ยังได้สั่งการให้ชุดเฉพาะกิจ “พญานาคราช” เตรียมตั้งด่านสกัดสินค้าเกษตรเถื่อน เป็นจุดตรวจสอบชั้นที่ 2 หากเล็ดลอดด่านศุลกากรเข้าสู่ราชอาณาจักร โดยจะประสานฝ่ายความมั่นคงมาร่วมดำเนินการด้วยเพื่อป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมายทุกชนิด


ร้อยเอกธรรมนัสกล่าวว่า ผู้ว่ากยท. และอธิบดีกรมวิชาการเกษตรรายงานว่า ตรวจสอบสตอกยางพาราในประเทศเรียบร้อยแล้ว โดยกำลังเร่งตรวจสอบการปลูกยางพาราทั้งในพื้นที่โฉนด ที่ส.ป.ก. และที่ดินของรัฐประเภทอื่นเพื่อจะประมาณการผลผลิตยางพารา จากนั้นจะนำข้อมูลมาบริหารจัดการให้ปริมาณการผลิตสอดคล้องกับความต้องการใช้ โดยการจัด Zoning พื้นที่กรีดยาง เป็นการไม่ให้ผลผลิตยางออกสู่ตลาดพร้อมกัน รวมถึงเตรียมให้กยท. ร่วมลงทุนกับภาคเอกชนในการตั้งโรงงานผลิตล้อยาง แล้วให้หน่วยราชการต้องใช้ล้อยางจากโรงงานที่ตั้งขึ้นนี้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศ โดยได้หารือกับนายกรัฐมนตรีแล้วด้วย

นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า ได้มอบหมายให้นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุลเดินทางไปหารือกับทางจังหวัดกาญจนบุรีเพื่อติดตามข้อมูลการจับกุม “ยางเถื่อน” ที่ผ่านมากยท. ได้ตั้งร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ พร้อมสนธิกำลังร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่เพื่อสกัดและตรวจสอบสินค้าเกษตรนำเข้าที่ผ่านเส้นทาง อ. สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ตามคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานชุดปฏิบัติงานเฉพาะกิจป้องกันการลักลอบการนําเข้า ส่งออกสินค้าเกษตรด่านตรวจพืชสังขละบุรี ที่ให้อำนาจในการเข้าตรวจสอบปริมาณยางคงเหลือภายในประเทศ ตามพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2542 และตรวจสอบการลักลอบนำเข้ายางพาราผิดกฎหมาย ในพื้นที่รับผิดชอบของด่านตรวจพืชสังขละบุรี จ. กาญจนบุรี

นอกจากนี้ยังเร่งขับเคลื่อนนโยบายการบริหารยางพาราของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มุ่งเน้นให้เกิดเสถียรภาพ โดยกำหนดแนวทางสำคัญ 3 แนวทาง ดังนี้


1. ปรับสมดุลปริมาณยางในประเทศ

2. เร่งปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย (ยางพารา)

3. ดึงภาคเอกชนร่วมลงทุนกับ กยท. แปรรูปผลิตภัณฑ์ยางพารา

สำหรับการปรับสมดุลปริมาณยางในประเทศ ได้ร่วมกับกรมวิชาการเกษตร เสนอตั้งพนักงาน กยท. เป็นเจ้าหน้าที่ร่วมตรวจสอบสตอกยาง เข้าตรวจสอบเอกสารและบัญชียาง เปรียบเทียบกับยางจริงในสตอก แล้วรายงานต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

นอกจากนี้ให้กยท. ทุกจังหวัดตรวจสอบข้อมูลเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียน พื้นที่สวนยาง และปริมาณผลผลิตยาง เพื่อจัดทำฐานข้อมูลยางที่ครอบคลุมทั้งประเทศ (Big Data) โดยระบบข้อมูลยางพารา ช่วยบริหารจัดการยาง กำหนดนโยบาย มาตรการต่างๆ ด้านยางได้อย่างสอดคล้อง เหมาะสม เช่น โครงการชะลอยาง การจัดทำ Zoning พื้นที่กรีดยาง (หยุดกรีดในพื้นที่ประสบภัยทางธรรมชาติ มีโรคระบาด หรือพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม) และข้อมูลยางพาราที่จัดเก็บในระบบ รองรับการตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์ยาง (Traceability) ซึ่งเพิ่มโอกาสทางการแข่งขันให้กับประเทศ เป็นการรักษาเสถียรภาพราคายางในระยะยาว

ในการปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย ได้ร่วมกับหลายหน่วยงานดำเนินการ โดยกยท. ตั้งทีมสายลับยาง เพื่อทำงานร่วมกับเครือข่าย กยท. ในพื้นที่ สอดส่องและเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้ายางผิดกฎหมาย หากพบเบาะแสผู้กระทำผิด พร้อมแจ้งแก่หน่วยงานผู้มีอำนาจดำเนินการจับกุมต่อไป

อีกมาตรการหนึ่งคือ เชิญผู้ประกอบการยางพาราประชุมหารือ แนวทางร่วมลงทุนแปรรูปผลิตภัณฑ์ยาง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้นโยบายไว้เพื่อเพิ่มปริมาณการใช้ยางภายในประเทศ โดยเตรียมหารือนัดแรกกับภาคเอกชนเร็วที่สุด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

คนร้ายฆ่าสาวโบลท์ เครียด ซัดมีอีก 2 คนยังไม่โดนจับ

เครียด! “ไอ้แม็ก” มือฆ่าชิงทรัพย์สาวโบลท์ ใช้หัวโขกลูกกรง สน.มีนบุรี จนตำรวจต้องเข้าระงับเหตุ ซัดมีอีก 2 คนยังไม่โดนจับ ล่าสุดคุมตัวไปฝากขังแล้ว

กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนักถึงหนักมาก คลื่นลมแรง

กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ระวังน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก ส่วนทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนคลื่นลมแรง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

ชีวิตติดลบ! ชาวแม่สายจมน้ำจมโคลน 10 วันแทบหมดตัว

หลายชุมชนชายแดนแม่สาย เผชิญน้ำท่วมและจมโคลนมา 10 วันแล้ว อยู่ในสภาพแทบหมดตัว ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่กับชีวิตที่ต้องติดลบจากน้ำท่วมครั้งนี้