กองบัญชาการกองทัพไทย 12ก.ค.- ที่ประชุมคณะกรรมการปฎิรูปตำรวจนัดแรก ตั้งคณะอนุกรรมการ 5 คณะ พล.อ.บุญสร้าง ดูอนุกรรมการด้านการบริหารงานบุคคลตั้ง “สมคิด เลิศไพฑูรย์” เป็นโฆษก มั่นใจปฎิรูปสำเร็จตามกรอบนายกรัฐมนตรีตั้งไว้ เร่งทำเรื่องโยกย้ายตำรวจให้สำเร็จภายในปีนี้
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ประธานคณะกรรมการปฎิรูปตำรวจ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม(ตำรวจ) ครั้งที่1/2560 ที่กองบัญชาการกองทัพไทย ว่าวันนี้เป็นการแจ้งคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ พร้อมด้วยอำนาจหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายรวมทั้งได้แนะนำตัวคณะกรรมการทุกคนให้ที่ประชุมรับทราบ นอกจากนี้ยังเป็นการอภิปรายถึงแนวทางและกรอบเวลาการดำเนินการของคณะกรรมการไว้ด้วย
พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า เบื้องต้นที่ประชุมได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานของคณะกรรมการออกเป็น 5 คณะประกอบด้วย1.คณะอนุกรรมการด้านการบริหารงานบุคคล มีพล.อ.บุญสร้างเป็นประธานอนุกรรมการฯ 2.คณะอนุกรรมการด้านการบังคับใช้กฎหมายและระบบการสอบสวนคดีอาญา มีนายธานิศ เกศวพิทักษ์ อดีตรองประธานศาลฎีกา เป็นประธาน 3.คณะอนุกรรมการด้านหน้าที่ อำนาจและภารกิจของตำรวจ มีนายมนุชญ์ วัฒนโกเมร อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน 4.คณะอนุกรรมการด้านรับฟังความคิดเห็น มีพล.อ.อ.อิทธิพร ศุภวงศ์ อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธาน และ5.คณะอนุกรรมการด้านวิชาการ มีนายศุภชัย ยาวะประภาษ อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นประธาน
พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจจะเข้าไปเป็นคณะอนุกรรมการในแต่ละคณะตามความสมัครใจ ส่วนอนุกรรมการคนอื่น ๆ และเลขานุการของคณะอนุกรรมการฯ ได้มอบหมายให้ประธานคณะอนุกรรมการด้านต่าง ๆ พิจารณาคัดเลือก เพื่อให้ประธานคณะกรรมการปฏิรูปออกคำสั่งแต่งตั้งต่อไป ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จะมอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในด้านนั้น ๆ ของสตช.ทำหน้าที่เป็นส่วนเลขานุการช่วยเหลือการปฏิบัติงานของแต่ละคณะอนุกรรมการต่อไป
ประธานคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ กล่าวว่า ที่ประชุมมอบหมายให้นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ ทำหน้าที่โฆษกคณะกรรมการ ทีมงานฝ่ายโฆษกนั้นให้นายสมคิด เป็นผู้พิจารณาคัดเลือกตามความเหมาะสม ที่ประชุมยังเห็นชอบการแต่งตั้งผู้ช่วยเลขานุการของคณะทำงานขึ้นมาอีก 8 คน เป็นผู้แทนฝ่ายที่ไม่เป็นข้าราชการตำรวจ 4 คน และผู้แทนฝ่ายตำรวจอีก 4 คน นอกจากนี้คณะอนุกรรมการสามารถเชิญบุคคลภายนอกมาเป็นอนุกรรมการหรือที่ปรึกษาได้ แต่ขอให้คัดเลือกคนที่ทำงานจริงและไม่พูดมากเพราะมีเวลาการทำงานน้อยซึ่งต้องทำให้ดีที่สุด
พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ส่วนแผนการดำเนินงานได้วางแนวทางการประชุมไว้ในระยะแรกจะประชุมสัปดาห์ละ 2 วัน กำหนดกรอบระยะเวลาการดำเนินการและกิจกรรมที่ต้องปฏิบัติในรอบ 9เดือนแรก อย่างไรก็ตามจะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาการดำเนินการของคณะกรรมการโดยผ่านระบบทางช่องทางการสื่อสารปกติ และสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และยังมีสิ่งใหม่คือคณะกรรมการด้านวิชาการ เพื่อให้การทำงานของคณะกรรมการปฎิรูปตำรวจ มีความเป็นวิชาการมากขึ้น และยังดูประสิทธิภาพการทำงานของคณะกรรมการด้วย เพื่อให้ทราบข้อบกพร่องและจุดอ่อน สำหรับเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการคือการแต่งตั้งโยกย้ายที่จะทำให้เสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2560 ต่อด้วยเรื่องของระบบงานสอบสวน และเรื่องอื่น ๆ จะพิจารณาเป็นลำดับต่อไป
“โผโยกย้ายไม่จำเป็นต้องเข้าคณะกรรมการ แต่เป็นการวางระบบ และไม่มีผลต่อการแต่งตั้งที่จะถึงนี้ ส่วนจะใช้เมื่อใดต้องรอดูกฎหมาย ทุกอย่างต้องคุยกันอีกนานเพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ส่วนเรื่องกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องดำเนินการให้ดีรวมถึงเรื่องอำนาจหน้าที่ด้วย อย่างไรก็ตามโครงสร้างที่ทำจะนำไปสู่การปฎิบัติจริงต่อไป” พล.อ.บุญสร้าง กล่าว
เมื่อถามถึงกรอบระยะเวลา 2,3,4 ที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้นโยบายไว้ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า 2 เดือนแรกจะได้ข้อเท็จจริงข้อคิดเห็น และ 3 เดือนต่อไป แก้กฎหมายแต่สามารถพิจารณาเพิ่มเติมได้ ส่วนระยะที่ 4 รับฟังเพิ่มเติมและปรับปรุง
“ผมอยากให้ 5 เดือนแรกเสร็จสมบูรณ์ ส่วนการศึกษาค้นคว้าการปฎิรูปตำรวจที่มีนักวิชาการทำไว้แล้วก็จะหยิบมาศึกษาหารือเช่นเดียวกัน ทำควบคู่กับการทำงาน โดยผลการศึกษาไม่ได้เป็นธงต่อการปฎิรูป ส่วนเรื่องการกระจายอำนาจหน้าที่ของตำรวจในท้องถิ่นนั้น จะต้องศึกษาสิ่งที่เป็นประโยชน์ ต่อสังคม เชื่อว่า 2 เดือนจะเห็นการทำงานลาง ๆแล้ว และ 5 เดือนจะต้องชัดเจน สำหรับกรอบเวลาของนายกรัฐมนตรี 9 เดือนนั้น มั่นใจว่าจะปฏิรูปประสบความสำเร็จ เราทำเสร็จทัน เพราะนโยบายของนายกรัฐมนตรีบอกให้เสร็จ เราก็ต้องทำเสร็จ ดังนั้นจะปฏิรูป และลงไปแก้กฎหมาย ส่วนจะมีข้อขัดข้อง แรงต่อต้านมากเท่าไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง หรือประชาชนต่อต้าน ก็อาจจะมีได้”พล.อ.บุญสร้าง กล่าว
สำหรับการประชุมครั้งต่อไปจะมีในวันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคมนี้ ส่วนจะใช้สถานที่ใดจัดการประชุมจะแจ้งอีกครั้ง เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาใช้สถานที่ รัฐสภา วปอ. หรือทำเนียบรัฐบาล.-สำนักข่าวไทย