กรุงเทพฯ 31 ต.ค. – ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เปิดปฏิบัติการ “CIB Anti-Online Scam รวบแก๊งปลอมเพจร้านทองออโรร่า หลอกเทรดหุ้น รวบหัวหน้าขบวนการ ชาวจีน 4 คน พบเงินหมุนเวียนกว่า 1,200 ล้านบาท
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) แถลงผลปฏิบัติการ CIB Anti – Online Scam : ขุดรากถอนโคนแก๊งปลอมเพจ ร้านทองชื่อดัง ออโรร่า หลอกเทรดหุ้น โดยเข้าตรวจค้นจับกุมเป้าหมาย 21 จุด ในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร, ชลบุรี, สุรินทร์, ชัยภูมิ และตาก เมื่อวานนี้ ( 30 ต.ค.) จับกุมนายเสียว หยาง เฟย อายุ 30 ปี หัวหน้าขบวนการ ระดับสั่งการ พร้อมพวก ชาวจีน รวม 4 คน และจับคนรับจ้างเปิดบัญชีม้าอีก 23 คน ยึดของกลาง เงินสดใน Bitkub 28 ล้านบาท สมุดบัญชี 23 เล่ม โทรศัพท์ 21 เครื่อง ซิมการ์ด 19 ซิม คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กและแท็บเล็ต 3 เครื่อง เงินสด 100,000 บาท กล้องวงจรปิด และเอกสารอื่น ๆ อีก 20 รายการ รวมมูลค่า 30,928,305 บาท และจากการตรวจสอบพบว่าขบวนการดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนกว่า 1,200 ล้านบาท
พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้มีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ ถูกหลอกให้ร่วมลงทุน จึงสืบสวนขยายผลจนทราบว่าคนร้ายมีพฤติการณ์สร้างกลอุบายหลอกลวงเหยื่อผ่านเพจเฟซบุ๊กปลอม มีการอ้างเป็นเพจเฟซบุ๊ก “ร้านทองออโรร่า” ใช้โลโก้หรือเอกสารปลอมของร้านทองดังกล่าว ประกอบกับมีการโฆษณาผ่านเฟซบุ๊ก ก่อนจะมีการชักชวนให้ลงทุนเทรดหุ้น ซึ่งมีการแบ่งเป็นแพ็คเกจต่าง ๆ และการันตีระยะเวลาลงทุนแต่ละครั้งว่า ลงทุนเพียง 5- 20 นาที จะได้ผลกำไรสูงถึง 20-30% และเมื่อเหยื่อหลงเชื่อตัดสินใจร่วมลงทุน ในช่วงแรกเหยื่อได้กำไรจริง และถอนเงินออกมาได้ปกติ ยิ่งเพิ่มแรงจูงใจให้มีการลงทุนเพิ่มมากขึ้น โดยบางรายมีการลงทุนสูงถึง 3.2 ล้านบาท เพราะเชื่อว่าจะได้กำไรในระยะเวลาอันสั้น เมื่อเหยื่อลงทุนเงินจำนวนที่สูงขึ้น กลับไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ เพราะการลงทุนดังกล่าวมีกำไร เป็นแค่ตัวเลข และคนร้ายได้สร้างเงื่อนไข เช่น ต้องชำระค่าแนะนำให้การเทรด หรือ ค่าภาษี หากต้องการถอนเงินที่ได้ลงทุน จากกรณีดังกล่าวทำให้ประชาชนเดือดร้อน
โดยคนร้ายมีหมายไปที่กลุ่มคนที่เกษียณอายุราชการ กลุ่มหาคู่ รวมถึงนักลงทุนรายย่อย หลงเชื่อและร่วมลงทุนเทรดหุ้น (ปลอม) จำนวนมาก เกิดเป็นความเสียหายเกือบ 4 ล้านบาท เฉพาะที่มาแจ้งที่ บก.ปอศ และเชื่อว่ายังมีผู้เสียหายอีกจำนวนมาก เนื่องจากพบมีเงินโอนเข้าบัญชีม้าถึง 4 แถว มีเงินหมุนเวียนกว่า 1,200 ล้านบาท ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลออกหมายจับ ผู้ต้องหารวม 50 ราย และนำไปสู่การปฏิบัติการดังกล่าว ซึ่งมีฐานปฏิบัติการอยู่ในไทยมาแล้ว 2 ปี
ด้าน พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก. 3 ปอศ. ให้ข้อมูลแผนประทุษกรรมของขบวนการดังกล่าว จะมีนาย เสียว หยาง เฟย หัวหน้าขบวนการ ว่าจ้าง คนไทย มาทำการเปิดบริษัท เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ในไทย มีการจดทะเบียนถูกต้อง โดยใช้บริษัทดังกล่าวในการฟอกเงินที่ได้มาจากการเปิดเพจ ร้านทองปลอม ซึ่งในขบวนการนี้มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน แบ่งเป็น กลุ่มที่สร้างเพจเฟซบุ๊ก กลุ่มทำการโฆษณา กลุ่มที่ชักชวนเหยื่อลงทุน กลุ่มหลอกลวงเหยื่อ และกลุ่มทำหน้าที่ยักย้ายถ่ายเทเงินในบัญชีผ่านบัญชีม้า ซึ่งเงินที่ได้จากการหลอกลวงบางส่วน มีการนำเข้าบริษัทนอมินี 3 บริษัท ที่เปิดบังหน้า ทำธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อยักย้ายถ่ายเท แปลงเงินที่ได้จากการหลอกลวง ไปเป็นทรัพย์สิน หรือสินค้าเพื่อส่งออกไปขายในประเทศเพื่อนบ้าน และแปลงเป็นสกุลเงินดิจิทัล (CRYPTO CURRENCY) ทั้ง ๆ ที่เมื่อตรวจสอบบริษัท นอมีนี ไม่มีการดำเนินกิจการจริง แต่มีเงินหมุนเวียนกว่า 1,000 ล้านบาท
เบื้องต้นแจ้งข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงเป็นคนอื่น และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน จากการสอบสวน ผู้ต้องหาชาวจีนยังให้การภาคเสธ. -สำนักข่าวไทย