5 สาวไทยรอดพ้นค้ากามที่เกาหลีใต้ ใช้ไหวพริบยื่นโน้ตให้แคชเชียร์

เกาหลีใต้ 9 ก.ค.-5 สาวไทย รอดพ้นจากการค้ากามที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยใช้ไหวพริบยื่นโน้ตให้แคชเชียร์ ขณะไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ทำให้ตำรวจเกาหลีขยายผลตามจับได้ยกแก๊ง


ข่าวนี้เกิดขึ้นที่ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อโคเรียไทมส์ของเกาหลีใต้ รายงานเรื่องของหญิงไทยที่ถูกบังคับค้าประเวณีที่ประเทศเกาหลี แต่สามารถรอดพ้นออกมาได้โดยยื่นกระดาษโน้ตเขียนข้อความขอความช่วยเหลือให้กับพนักงานแคชเชียร์ในซูเปอร์มาร์เก็ต ให้ช่วยเธอและเพื่อนอีก 4 คน ออกจากสถานที่ค้าประเวณี โดยตำรวจเมืองปูซานของเกาหลีใต้ได้เปิดเผยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม เมื่อเวลาประมาณ 04.30 น. หญิงไทย 5 คน เดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งในนครปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ โดยมีชายเกาหลีใต้ 1 คน เดินคุมเชิงกลุ่มหญิงสาวมาซื้อของ จากนั้นกลุ่มหญิงสาวทำทีซื้อเหมือนลูกค้าที่เค้ามาซื้อของในซุปเปอร์ทั่วไป จนถึงเวลาชำระเงินหญิงไทยรายหนึ่งได้ยื่นกระดาษโน้ตพร้อมกับเงินค่าสินค้าให้กับพนักงานแคชเชียร์ โดยในกระดาษนั้นมีข้อความเป็นภาษาอังกฤษ เกาหลี และภาษาไทย ใจความระบุว่า “ช่วยแจ้งตำรวจให้ด้วย ฉันโดนจับอยู่ชั้น 4 ของตึก”


รายงานระบุว่า พนักงานแคชเชียร์เขียนข้อความตอบลงไปในกระดาษว่า “ต้องการให้โทร. 112 (บริการฉุกเฉิน) หรือไม่” แต่หญิงไทยปฏิเสธ เพราะตอนนั้นชายผู้ควบคุมมาด้วยยืนอยู่ข้างนอก จากนั้นหญิงไทยจึงบอกเบอร์โทรศัพท์ให้แคชเชียร์ ซึ่งเป็นบัญชีลูกค้าที่เก็บคะแนนสะสมของทางร้าน หลังจากหญิงไทยจากไปพนักงานแคชเชียร์จึงตัดสินใจโทร.แจ้งตำรวจ หลังจากนั้นเมื่อเวลาประมาณ 08.30 น. ตำรวจจึงได้เดินทางมาตรวจสอบพร้อมสอบถามเรื่องราวดังกล่าว แต่เบาะแสจากกระดาษโน้ตมีไม่มากนัก ตำรวจจึงหันมาสืบสวนผ่านเบอร์โทรศัพท์ที่สาวไทยให้ไว้ รวมถึงเบาะแสจากโซเชียลมีเดีย ก็พบเบาะแสเพราะเบอร์นั้นเป็นเบอร์ของชายเกาหลีคนหนึ่ง ที่มีข้อมูลว่าเคยทำธุรกิจค้าประเวณีมาก่อนเมื่อหลักฐานต่างๆ พร้อมแล้ว ตำรวจจึงบุกเข้าไปยังอาคารดังกล่าวเมื่อวันที่ 18 พ.ค. และสามารถจับชายชาวเกาหลีใต้ชื่อนายลี กับพวกอีก 4 คนได้ นอกจากนี้ยังพบสาวไทย 5 ราย ที่ถูกบังคับ ค้าประเวณีอยู่ข้างในด้วย  


พนักงานของซูเปอร์มาร์เก็ต ที่ช่วยเหลือสาวไทยเปิดเผยในภายหลังว่า ตนเชื่อว่าที่หญิงสาวเกิดอาการหวาดกลัวตอนที่ตนจะแจ้งตำรวจทันทีนั้น เพราะพวกเธอกลัวผลที่ตามมา ขณะที่หญิงสาวที่เป็นคนส่งกระดาษโน้ตขอความช่วยเหลือเปิดเผยกับสื่อของเกาหลีใต้ว่า “ฉันกลัวมากถ้าจะต้องหนีเอง ฉันเขียนภาษาเกาหลีได้นิดหน่อย ตามที่เรียนมาจากลูกค้า”

ตำรวจเปิดเผยว่า นายลีล่อลวงสาวไทย ทั้ง 5 คน โดยอ้างว่าจะพามาทำงานร้านนวดไทยที่ถูกกฎหมาย แต่เมื่อทั้ง 5 คนมาถึงนายลียึดหนังสือเดินทางของทั้ง 5 คน และขังเหยื่อไว้ในอาคารบังคับให้ค้าประเวณี นายลียังเผยด้วยว่าตนโฆษณาธุรกิจค้ากามผ่านทางออนไลน์ และจะไปพบลูกค้าที่สถานีรถไฟใต้ดินเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับ ขณะที่สื่อของเกาหลีใต้อื่นยังเผยด้วยว่า นายลีระบุว่าตนได้รับเงินประมาณ 86 ดอลลาร์ (2,930 บาท) ต่อการที่สาวไทยค้าประเวณีครั้งหนึ่ง โดยเดือนแรกสาวไทยทั้ง 5 คนไม่ได้รับเงินแต่อย่างใด จนเดือนต่อมาถึงได้รับเงินตอบแทน 35 ดอลลาร์ หรือราว 1,190 บาทต่อครั้ง 

ด้านน.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า จากการประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ทราบว่า เรื่องโน้ตขอความช่วยเหลือจากหญิงไทยที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อมวลชนเกาหลีใต้ เกิดเหตุขึ้นมาพักใหญ่แล้ว โดยกลุ่มคนไทยเข้าไปในเกาหลีใต้ตั้งแต่เดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ขณะนั้นตำรวจเกาหลีใต้และหญิงไทยไม่ได้ติดต่อสถานเอกอัครราชทูตแต่อย่างใด ทางสถานทูตตรวจสอบข่าวกับสำนักงานตำรวจเกาหลีใต้ทราบว่า ตำรวจเกาหลีใต้ได้ช่วยเหลือหญิงไทยทั้งหมด 17 คน แบ่งเป็นหมอนวดจริงๆ 12 คน และหญิงขายบริการ 5 คน ทุกคนได้รับการช่วยเหลือ และได้มีการคืนพาสปอร์ตให้กับผู้เสียหาย พร้อมทั้งเงินเดือนที่ยังค้างจ่ายให้แก่ทุกคน ทั้งนี้หญิงไทยทั้ง 17 คนได้ถูกส่งกลับประเทศไทยไปหมดแล้ว ตำรวจได้พิจารณาและกำลังดำเนินคดีกับเจ้าของร้านตามกฎหมายต่อไป

น.ส.บุษฎี กล่าวต่อว่า คดีดังกล่าวข้างต้นอาจนำมาหารือในการประชุมหารือทวิภาคีด้านการกงสุลไทย – เกาหลีใต้ ครั้งที่ 3 ซึ่ง ฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้ โดยการประชุมจะมีการหารือประเด็นหลัก ได้แก่การแก้ไขสถานการณ์คนไทยถูกปฏิเสธเข้าเมืองเป็นจำนวนมากในแต่ละปี การลดจำนวนคนไทยที่อยู่เกินกำหนดในเกาหลีใต้ การปรับปรุงความร่วมมือด้านการจ้างแรงงานไทยเพื่อให้แรงงานไทยได้รับโอกาสมากขึ้น รวมถึงการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ต่างๆด้วย ซึ่งฝ่ายไทยคาดว่าผลของการจัดประชุมหารือจะช่วยให้กลไกความร่วมมือทวิภาคีด้านกงสุลไทย – เกาหลีใต้ ดำเนินการไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและน่าจะช่วยคลี่คลายปัญหาต่างๆได้ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง