สธ. 12 ต.ค. – กรมอนามัย แนะพ่อแม่ควรหลีกเลี่ยงการเลี้ยงลูกด้วยจอทุกชนิด โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี อาจส่งผลให้พัฒนาการช้า และอาจมีปัญหาสายตาผิดปกติในอนาคต พ่อแม่ควรชวนลูกทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว เพื่อส่งเสริมพัฒนาการที่ดีของลูก
แพทย์หญิงอัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า เนื่องในวันพฤหัสบดีที่ 2 ของเดือนตุลาคม องค์การอนามัยโลก (World Health Organization, WHO) กำหนดให้เป็นวันสายตาโลก (World Sight Day) ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 12 ตุลาคม 2566 เพื่อต้องการกระตุ้นให้ประชากรทั่วโลก เกิดการตื่นตัวกับการรณรงค์ป้องกันและฟื้นฟู การตาบอด การมองเห็นเลือนลาง รวมถึงปัญหาอื่น ๆ ทางสายตา กรมอนามัยจึงมีความห่วงใยเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี เนื่องจากพ่อแม่ ผู้ปกครองมักปล่อยให้ลูกอยู่กับสื่อเทคโนโลยี เช่น มือถือ แท็บเล็ต หรือให้ดูโทรทัศน์ทั้งวัน เพื่อไม่ให้ลูกดื้อ ซน ร้องไห้ ซึ่งจะส่งผลเสียตามมาโดยเฉพาะเรื่องพัฒนาการช้า ปัญหาด้านการสื่อสาร รวมทั้งปัญหาด้านสายตาในอนาคต
แพทย์หญิงอัจฉรา กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมากรมอนามัยได้ขับเคลื่อนโครงการเด็กไทยสายตาดี ตั้งแต่ปี 2559 โดยกรมอนามัย กรมการแพทย์ คณะกรรมการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) สาขาตา ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรุงเทพมหานคร ตั้งเป้าหมายให้เด็กนักเรียนชั้น ป.1 ได้รับการตรวจคัดกรองสายตาโดยครูประจำชั้น และยืนยันโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หากสงสัยสายตาผิดปกติส่งต่อโรงพยาบาลที่มีจักษุแพทย์ตรวจวินิจฉัยและได้รับแว่นตา ซึ่งข้อมูลการตรวจคัดกรองสายตาในปี 2559 พบเด็กไทยมีสายตาผิดปกติ 11,000 คน ปี 2560 พบเด็กไทยมีสายตาผิดปกติ 8,687 คน และในปี 2561 สายตาผิดปกติ 9,976 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสายตาสั้น และสายตาเอียง
ทั้งนี้ เด็กแรกเกิดถึง 3 ปี เป็นช่วงวัยที่สำคัญที่สุด ในการเรียนรู้ เนื่องจากสมองของเด็กจะพัฒนาสูงสุดซึ่งมีสิ่งแวดล้อมโดยรอบจะเป็นตัวกระตุ้นส่งเสริมพัฒนาการทางด้านสมองในช่วงต้น หากปล่อยให้เด็กใกล้ชิดสื่อเหล่านี้มากเกินไปโดยไม่กำหนดเวลาดูหรือเลือกสื่อ ที่ไม่เหมาะสม จะส่งผลเสียหลายด้าน 1.ด้านการสื่อสาร พูดช้า พูดไม่ชัด ขาดความคิดสร้างสรรค์ และการจ้องมองจอภาพเป็นเวลานานจะส่งผลเสียกับดวงตาได้ เช่น ทำให้สายตาสั้น ดวงตาแห้ง ด้านร่างกายจะไม่แข็งแรง เหนื่อยง่าย ขาดการเคลื่อนไหวออกกำลังกายตามที่ควรจะเป็นหรืออาจส่งผลให้เป็นเด็กขี้เกียจได้ 3.ด้านอารมณ์ ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ เพราะเด็กแยกแยะโลกของอินเทอร์เน็ตกับความจริงไม่ได้ หงุดหงิดง่าย ใจร้อน รอคอยไม่เป็น เด็กขาดสมาธิ ไม่จดจ่อหรือตั้งใจทำกิจกรรมใด และ 4. ด้านพฤติกรรม จะก้าวร้าว ซน สมาธิสั้น มีพฤติกรรมคล้ายออทิสติก ดื้อ ต่อต้าน โลกส่วนตัวสูง
กรมอนามัยจึงแนะนำให้จำกัดเวลาในการใช้สื่อเทคโนโลยีที่เหมาะสม โดยเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ให้หลีกเลี่ยงการใช้สื่อมีจอทุกชนิด (ยกเว้นวิดีโอแชท) ส่วนเด็กอายุ 2-5 ปี ให้จำกัดเวลาการใช้จอ ไม่ควรเกินวันละ 1 ชั่วโมง และควรเลือกโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันที่มีคุณภาพให้เหมาะสมกับวัย พ่อแม่ผู้ปกครองเด็กควรหลีกเลี่ยง การใช้สื่อมีจอเพื่อให้เด็กสงบนิ่ง หรือหยุดร้องไห้ และหันมาใช้เวลาสร้างความสัมพันธ์ร่วมกันในครอบครัว เพราะพัฒนาการที่ดีของเด็ก ๆ เริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ ที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน พาลูกเล่น เรียนรู้ และโอบกอดแสดงความรักระหว่างกันในครอบครัว เพื่อส่งเสริมให้พัฒนาการต่าง ๆ ของเด็กดีขึ้น. -สำนักข่าวไทย