ยโสธร 7 ต.ค. – นายกฯ นั่งรถ ปภ.ลุยน้ำท่วม 4 กม. มอบถุงยังชีพ ยารักษาโรค ชาวทรายงาม จ.ยโสธร ยันรัฐบาลพร้อมดูแล สั่งยกระดับถนน สร้างสะพานเพิ่ม บอกมาวันเดียวยังรู้ประชาชนลำบาก ขณะที่เจ้าคณะอำเภอมอบเหล็กไหล บอกชาวบ้านรอเงินดิจิทัลอยู่ ด้านนายกฯ ลั่นได้แน่ แม้มีคนค้าน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (7 ต.ค.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นางเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม ที่บ้านทรายงาม ตำบลกุดกุง อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร ซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้ แม้จะไม่ถูกน้ำท่วม แต่ก็ถูกน้ำจากแม่น้ำชีเอ่อล้นท่วมพื้นที่การเกษตรและถนนเข้าหมู่บ้านประมาณ 30-60 เซนติเมตร ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ต้องใช้รถขนาดใหญ่ในการสัญจรเข้าออกหมู่บ้าน
โดยนายกรัฐมนตรีได้นั่งรถยกสูงของ ปภ. หมายเลขทะเบียน 53-7093 กรุงเทพมหานคร เข้าพื้นที่ เพื่อพบปะประชาชนและมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในหมู่บ้าน
เมื่อเดินทางมาถึง มีประชาชนรอต้อนรับ ผูกผ้าขาวม้าให้กำลังใจ โดยมีชาวบ้านบางคนบอกกับนายกฯ ว่า หล่อมาก
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้กราบนมัสการพระครูเมธีธรรมบัณฑิต เจ้าคณะอำเภอคำเขื่อนแก้ว พร้อมถวายผ้าไตร และจตุปัจจัยไทยธรรม โดยพระครูฯ ได้มอบพระพุทธบุษยรัตน์จำลอง ขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว พระคู่บ้านคู่เมือง จ.ยโสธร พร้อมเหล็กไหลของทางวัด รวมทั้งผูกข้อมือให้พรกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่ร่วมคณะ
โดยช่วงหนึ่งพระครูได้สอบถามนายกฯ และฝากเรื่องเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพราะชาวบ้านรออยู่ ขอให้นายกฯ ทำสำเร็จ ซึ่งนายกฯ ได้กล่าวยืนยันว่า “ขณะนี้รัฐบาลทำอยู่ ต้องทำครับ เพราะมีคนมาต่อต้าน แต่ก็ไม่กี่คนหรอกครับ แต่เราก็ต้องทำ เพราะเป็นเรื่องสำคัญสำหรับพี่น้องประชาชน ต้องทำครับ”
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เดินพบปะกับประชาชนที่มารอ ซึ่งได้นั่งลงพูดคุยกับกลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อสอบถามความเป็นอยู่ว่าอยู่อย่างไรในช่วงน้ำท่วม พร้อมแสดงความเป็นห่วง โดยระบุจะหาแนวทางช่วยเหลือด้วยการยกระดับความสูงของถนนที่เข้าหมู่บ้าน เพื่อให้เดือดร้อนน้อยลงในช่วงที่น้ำท่วมสูง นอกจากนี้จะมีการสร้างสะพานเพิ่มในบางจุด ทำให้ชาวบ้านยกมือไหว้ ซึ่งนายกฯ ได้ตอบกับชาวบ้านว่า ไม่ต้องขอบคุณตนเอง เพราะสิ่งที่ทำเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี
และมีคุณยายวัย 70 ปี บอกกับนายกฯ ว่า ดีใจที่จะได้ใช้เงิน ไม่มีโทรศัพท์ ใช้ไม่เป็นทำไงท่านนายกฯ นายกรัฐมนตรีจึงกล่าวว่า “ไม่เป็นไร บัตรประชาชนใบเดียวก็พอแล้ว”
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผู้สูงอายุอีกกลุ่มสอบถามเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรค นายเกรียง ซึ่งอยู่ด้วยกับนายกรัฐมนตรี จึงได้สอบถามผู้สูงอายุว่า ยังอยากใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ตอยู่ไหม คุณยายจึงตอบว่า อยากได้ ขณะที่นายกฯ ย้ำว่า เรื่อง 30 บาท เราจะดูแลให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นหน้าที่ต้องดูแล ทั้งเรื่องสุขภาพ ดูแลประชาชน ตนไม่อยากให้ลำบาก ตนมาเพราะต้องการลงพื้นที่เพื่อดูแลทุกข์สุขของประชาชนอย่างแท้จริง ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาหาเสียง อยากให้ประชาชนมีชีวิตที่ดี พร้อมสอบถามเรื่องปัญหายาเสพติดในพื้นที่ ซึ่งต้องขอให้ผู้ใหญ่พ่อแม่ดูแลบุตรหลานให้ดีๆ
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับประชาชนว่า สวัสดีพี่น้องชาวจังหวัดยโสธรที่รัก เป็นขวัญและกำลังใจอย่างล้นหลามให้เราทำงาน การเดินทางเข้ามาตรงนี้ลำบาก ขนาดมาหนเดียวยังลำบาก เพราะเจอแต่ภาวะน้ำท่วม และได้รับการรายงานว่า ท่วมแล้วท่วมอีก ท่วมตลอดเป็นเดือน ตนมีความไม่สบายใจ และเห็นใจทุกท่าน การสัญจรไปมาก็ลำบาก จะไปหาหมอก็ลำบาก พืชผลเสียหาย วันนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ร่วมมาด้วย เป็นที่บ่งบอกแล้วว่า เราให้ความสำคัญกับปัญหาของพี่น้องประชาชนชาวอำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร ทั้งนี้ เรื่องการป้องกันน้ำท่วมทำได้หลายมิติ ในระยะยาวต้องมีการบริหารจัดการน้ำตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดได้เสนอขุดคูคลองเพิ่ม ตรงนี้ถือเป็นแผนระยะยาว แต่ระยะสั้นเรื่องการปล่อยน้ำ ทางกรมชลประทานรับปากว่าจะไปทบทวนดูแลวิธีกักน้ำปล่อยน้ำ ซึ่งต้องบริหารจัดการกันไป หากเกิดภาวะอุทกภัยหรือน้ำท่วมเกิดขึ้น หน่วยงานทุกหน่วยงานพร้อม ไม่ว่าจะเป็นของนายเกรียง รมช.มหาดไทย ที่ดูแลด้านป้องกันสาธารณภัย นายสุทิน กระทรวงกลาโหม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ทหารราบพัฒนาก็มาดูแลช่วยเหลือบำบัดทุกข์ให้พี่น้องประชาชน แต่เราไม่อยากให้ถึงจุดนั้น รมช.คมนาคม ดูแลสร้างถนนหนทางเข้ามาด้วย โดยสัญญาว่าจะทำถนนและสะพานอีก 2 สะพานที่น้ำท่วม ซึ่งจะต้องจัดการโดยเร็ว และระหว่างที่ตนนั่งรถเข้ามา ได้คุยกับเจ้าหน้าที่รัฐหลายท่าน บอกว่าที่นี่อำเภอนี้หมู่บ้านนี้มีความผูกพันมาก มีโครงสร้างสถาบันครอบครัวที่แข็งแรง พี่น้องไม่ได้ออกไปทำงานนอกเขต อยากอยู่ในเขตพื้นที่ ช่วยเหลือจุนเจือกัน ดูแลผู้แก่ผู้เฒ่าด้วยกัน ผลดีตรงนี้ไม่มีใครทราบ ตนมาที่นี่ไม่มีใครบ่นเรื่องปัญหายาเสพติด เพราะสถาบันครอบครัวแข็งแรง พี่น้องคนแก่คนเฒ่าดูแลลูกหลานดี มีเวลาพูดคุยกัน มีเวลาให้ความอบอุ่นแก่ครอบครัว ตรงนี้ถือเป็นเรื่องที่ดีและเป็นสังคมตัวอย่างที่หลายๆ อำเภอ หลายๆ จังหวัด ควรที่จะนำไปพัฒนาต่อ วันนี้ดีใจที่ได้มาพบปะพูดคุย แม้มาในสภาพที่น้ำท่วม ไม่ค่อยน่ายินดีสักเท่าไหร่ แต่ก็อยากมาในบริบทที่มีรอยยิ้มอย่างจริงจัง และวันนี้ก็ยิ้มสุดๆ หน่อย เพราะมาถึงก็เห็นน้ำท่วม ตนมาเพียงวันเดียวยังเศร้าใจ เข้าใจถึงความลำบาก วันนี้ที่มาที่นี่ มาพร้อมกับเจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่าย ซึ่งทุกคนเข้าใจและสัญญาจะกลับมาดูแลพี่น้องประชาชน
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้มอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชน จำนวน 300 ชุด และยังได้มอบถุงยังชีพของเกษตรอำเภอให้กับเกษตรกร จำนวน 300 ชุด รวมถึงมะปราง ซึ่งเป็นอาหารของปศุสัตว์ในช่วงที่น้ำท่วม รวมถึงต้นกล้าพันธุ์พืช เช่น มะละกอ พริก และมะเขือ ให้กับประชาชนด้วย
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเดินทางกลับตามเส้นทางซึ่งมีน้ำท่วมสูงเป็นระยะ นายกรัฐมนตรีได้ลงลุยน้ำและนำถุงยังชีพไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่ประสบความเดือดร้อนตามรายทาง พร้อมให้กำลังใจว่า ขอให้สู้ๆ อดทนอีกหน่อย รัฐบาลพร้อมช่วยเหลือ. – สำนักข่าวไทย