กทม. 2 ก.ย.-“ธนวรรธน์” ชี้ควรให้โอกาสรัฐบาลเศรษฐา1 ได้ทำงาน แนะเลือกนโยบายที่คุ้มเงินภาษีก่อน
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ครม. เศรษฐา 1 ซึ่งมีทั้ง รัฐมนตรีเก่าที่มีประสบการณ์สูง และรัฐมนตรีใหม่ ที่เราอาจจะยังไม่คุ้นเคย แต่เมื่อนายกรัฐมนตรี และพรรคการเมืองแต่ละพรรค ได้เลือกมาแล้ว ก็ถือว่าเป็นหน้าที่ที่พรรคการเมือง รัฐบาลตลอดจนนายกรัฐมนตรีต้องคอยดูแลกำกับให้ทำได้ตามเป้าหมายที่วางแผนไว้ก็คือทำให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวเร็ว ด้วยนโยบายของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเงินดิจิทัล 10,000 บาท การเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ลดค่าครองชีพต่างๆ ซึ่งคิดว่าต้องให้โอกาส และยิ่งนายกรัฐมนตรีบอกว่าจะทำงานโดยไม่เน็ดเหนื่อยและได้เห็นการลงพื้นที่แล้ว เราก็ต้องให้กำลังใจและเชื่อว่าจะสามารถทำได้ ส่วนนโยบายประชานิยมต่างๆ ทั้งการขึ้นค่าแรง รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย การลดราคาพลังงาน ไฟฟ้า น้ำมัน เป็นสิ่งที่จะต้องทำ เพราะได้มีการหาเสียงไว้ เพราะมันเป็นสิ่งถูกต้องตามหลักรัฐศาสตร์ แต่พอมาดูถึงเม็ดเงินที่ใช้ ซึ่งก็จะทำให้รัฐบาลต้องเลือก โครงการที่เร่งด่วนและต้องเป็นการใช้เงินที่คุ้มค่าจริงๆ เช่น โครงการเงินดิจิทัลที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ อย่างรวดเร็ว เงินถึงมือประชาชนทันทีคนละ 10,000 บาท และไม่มีเงินรั่วไหลออกจากระบบ เพราะเป็นการใช้เงิน 500,000 ล้านบาทซึ่งสูงมาก ไม่เคยมีการใช้เงินที่สูงขนาดนี้มาก่อน แต่สำหรับนโยบายอื่นๆ ก็คงจะต้องมาดูว่ารัฐบาลจะทำอย่างไร เช่นนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ เงินเดือนปริญญาตรีซึ่งจะต้องมีการพูดคุยกับภาคเอกชนที่เป็นคนจ่ายค่าแรงงาน ว่าจะต้องปรับโครงสร้างอย่างไร ตลอดจนการลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า ค่าพลังงาน เชื่อว่าขณะนี้หน่วยงานที่กำกับดูแลได้เตรียมแผนเสนอแนวทางไปยังรัฐบาลแล้ว
อย่างไรก็ตามในส่วนของการลดราคาพลังงานนั้น คงไม่ได้มีการลดลงอย่างฮวบฮาบ หรือลดลงในปริมาณมากจนทำให้ต้องใช้เงินอุดหนุนหรือชดเชย ซึ่งอาจจะต้องมีการพิจารณาลดเงินภาษีหรือการลดจ่ายเงินเข้ากองทุน ก็จะทำให้สามารถลดราคาพลังงานได้ในระดับที่เหมาะสมและสอดคล้องกับโครงสร้างต้นทุน ซึ่งเหล่านี้อาจจะไม่ต้องใช้เงินเยอะแต่ก็ไม่ได้หมายถึงว่าใช้เงินน้อย
สำหรับโครงการเร่งด่วนที่ต้องทำ คือ การโรดโชว์ เสริมสร้างความมั่นใจให้ต่างประเทศ การทำความตกลงเปิดเขตการค้าเสรี (FTA) การผลักดันตลาดใหม่ๆ และการดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ทั้ง ตะวันออกกลาง เวียดนาม อินเดีย และ รัสเซีย เข้ามาท่องเที่ยวไทยมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย