กรุงเทพ 29 มิ.ย.- 9 เดือนหลังดำเนินมาตรการจับจริงเด็กแว้น รวบแอดมินเพจดัง ปราบอู่แต่งรถซิ่งในพื้นที่ตำรวจนครบาล สามารถลดปัญหาเด็กแว้นได้กว่า 4,000 เหตุ ไม่พบการกระทำผิดซ้ำ
การประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 15 ว่าด้วยการยุติธรรมความรุนแรงต่อเด็กและเยาวชนในกระบวนการยุติธรรม พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191) กล่าวถึง ปัญหาการแข่งขันรถจักรยานยนต์ในทาง หรือเด็กแว้น เป็นปัญหาที่ก่อให้เกิดทั้งคดียาเสพติด คดีค้ามนุษย์ และคดีลักทรัพย์ โดยในปี 2559 ได้รับการแจ้งเหตุการแข่งขันรถจักรยานยนต์ ทั้งสิ้น 11,151 ราย หรือประมาณ 30 เหตุต่อวัน ซึ่งพบมากที่สุดบนถนนวิภาวดี รองลงมา คือ ถนนสุวินทวงศ์ และถนนพระราม 3 ทางกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191) จึงอาศัยอำนาจตามคำสั่ง คสช. ที่ 22/2558 ดำเนิน 4 มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กแว๊น โดยมาตรการแรกตั้งด่านจับผู้ที่นำรถจักรยานยนต์มาแข่งขันบนถนนหลวงทุกคืนวันศุกร์ ก่อนส่งฟ้องดำเนินคดีทั้งผู้ขับขี่ พ่อแม่ผู้ปกครอง ผู้จัดการแข่งขัน และร้านขายอุปกรณ์แต่งรถ
จากนั้นก็ดำเนินการจับกุมอู่ซ่อมรถที่รับแต่งรถซิ่ง และ มาตรการที่ 3 คือ จับกุมหัวโจก แอดมินแฟนเพจในเฟซบุ๊ก กลุ่มไลน์ที่ชักชวนให้ผู้อื่นมาแข่งขันรถจักรยานยนต์ในทางสาธารณะและแจ้งเบาะแสให้หลีกเลี่ยงการตั้งด่านของตำรวจ สามารถจับกุมแอดมินเพจได้ถึง 17 ราย 22 เพจ ในข้อหายุยงส่งเสริมให้มีการแข่งรถในทางสาธารณะ ส่วนมาตรการสุดท้าย คือ การอบรมสร้างการเรียนรู้ ความเข้าใจเนื่องจากเด็กและเยาวชนในกลุ่มนี้มักมีปัญหาทางด้านครอบครัว ไม่สามารถเข้ากลุ่มกับเพื่อน เมื่อมารวมตัวกันจึงเกิดพฤติกรรมการเลียนแบบ รวมตัวแข่งขันเพื่อความสนุก ท้าทายกฎหมาย
ซึ่งตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือน ต.ค. 59 – ปัจจุบัน หลังมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและต่อเนื่อง พบว่า การแข่งขันรถจักรยานยนต์ในทางสาธารณะในพื้นที่ตำรวจนครบาลทั้ง 88 สถานี ลดลงถึง4,425 เหตุ หรือคิดเป็นร้อยละ 60 ลดลงจากวันละ 30 ครั้ง เหลือเพียง 5 ครั้งต่อวัน
ส่วนเด็กและเยาวชนที่ถูกจับกุมและผ่านการอบรมก็ไม่พบการกระทำความผิดซ้ำ จึงมั่นใจว่าหากดำเนินมาตรการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ปัญหาเด็กแว้นก็จะลดลง สามารถนำเด็กและเยาวชนกลับคืนสู่สังคม และลดปัญหาอาชญากรรมต่างได้ ทั้งนี้ เตรียมจัดทำรายงานข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อเสนอต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขยายผลนำไปปฏิบัติในพื้นที่ต่างๆต่อไป.-สำนักข่าวไทย