นายกฯ กำชับ ห้ามใช้ช่องว่างรอประกาศใช้ พ.ร.ก.แรงงานต่างด้าว เรียกรับผลประโยชน์

กระทรวงแรงงาน 29 มิ.ย.-อธิบดีกรมการจัดหางาน เผยนายกรัฐมนตรีกำชับเจ้าหน้าที่ห้ามใช้ช่องว่างระหว่างประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารจัดการแรงงานต่างด้าว ในการเรียกรับผลประโยชน์ หากพบดำเนินการเด็ดขาด ยันตำรวจ ทหาร ไม่มีสิทธิปรับซึ่งหน้า


นายวรานนท์ ปีติวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน แถลงภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางมาประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงและตรวจเยี่ยมการทำงานของกระทรวงแรงงาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายถึงข้อกังวลของหลายฝ่าย หลังประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 ซึ่งเพิ่มโทษปรับนายจ้างใช้แรงงานผิดกฎหมายไว้ตั้งแต่ 400,000-800,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2560 ว่า นายกรัฐมนตรีได้แสดงความเป็นห่วงและได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด และห้ามไม่ให้ใช้ช่องว่างระหว่างที่บังคับใช้กฎหมายในช่วงต้นไปเรียกรับผลประโยชน์จากแรงงานต่างด้าวและผู้ประกอบการ หากพบว่าเจ้าหน้าที่เรียกรับผลประโยชน์ จะถูกดำเนินการอย่างเด็ดขาด รวมทั้งต้องหามาตรการผ่อนคลายเพื่อไม่ให้ส่งผลต่อการประกอบธุรกิจ

“ยอมรับว่า ในช่วง 1-2 เดือนที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตามกฎหมายใหม่ อาจทำให้เกิดการขาดแคลนแรงงานประเภทงานก่อสร้าง งานรับใช้ในบ้าน และเอสเอ็มอี ดังนั้นระหว่างนี้จะยังไม่มีการเข้าไปตรวจจับ โดยผ่อนผันให้ผู้ประกอบการและแรงงานต่างด้าวไปดำเนินการตามกฎหมายให้ถูกต้อง โดยการส่งตัวแรงงานกลับไปทำพาสปอร์ต วีซ่า และขึ้นทะเบียนในระบบให้ถูกต้อง หรือดำเนินการผ่านโบรกเกอร์ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 20,000 บาทต่อคน เพราะล่าสุดกระทรวงแรงงานได้ทำเอ็มโอยูกับลาว กัมพูชา และพม่า เพื่อแก้ปัญหาแรงงานผิดกฎหมาย ซึ่งจะใช้เวลาดำเนินการไม่เกิน 1-2 เดือน แรงงานที่ถูกกฎหมายก็จะกลับเข้ามาทำงานตามปกติ แต่ระหว่างนี้ นายจ้างสามารถจ้างคนไทยที่มาขึ้นทะเบียนขอทำงานเดือนละ 6,000-7,000 คน” นายวรานนท์ กล่าว


อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวอีกว่า โทษของกฎหมายใหม่ที่มีการเพิ่มค่าปรับเป็น 400,000-800,000 บาทไม่ได้สูงเกินไป เพราะเป็นมาตรฐานที่ใกล้เคียงกับการกำหนดโทษของการใช้แรงงานเด็กและประมง ขณะเดียวกันหากเจ้าหน้าที่จะเข้าไปจับกุม ต้องมีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงแรงงานร่วมดำเนินการด้วย ซึ่งตำรวจ ทหาร ไม่มีสิทธิเปรียบเทียบปรับ ณ จุดเกิดเหตุได้ โดยเมื่อมีการจับกุม หากผู้กระทำความผิดรับสารภาพ ก็จะนำไปสู่การเสียค่าปรับตามกฎหมาย ให้เป็นอำนาจของนายทะเบียน ซึ่งคือผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งปรับได้ แต่หากทำผิดแต่ไม่ยอมรับสารภาพ ต้องเข้าสู่กระบวนการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ จากนั้นจะนำคดีส่งอัยการ การเปรียบเทียบปรับเป็นดุลยพินิจของศาล ทั้งนี้ พ.ร.ก.ฉบับนี้ผ่อนคลายเรื่องการจำกัดการย้ายพื้นที่ทำงาน แต่กำหนดให้แรงงานที่เปลี่ยนนายจ้างใหม่ต้องแจ้งย้ายนายจ้าง ซึ่งเสียค่าธรรมเนียมการเปลี่ยน จำนวน 100 บาท.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง