กรมการจัดหางาน 20 ก.พ.-อธิบดีกรมการจัดหางาน ยันดูแลแรงงานไทยทำงานเก็บผลไม้ฟินแลนด์ – สวีเดนอย่างดี ปีนี้ไปมากขึ้นเพราะสองประเทศร้องขอ เหตุโควิด 3 ปีทำขาดคนงานหนัก ระบุ 375 แรงงานไทยที่มีปัญหาเรื่องรายได้ ช่วยเหลือครบแล้ว การันตีข้าราชการ-จนท.ทำงานโปร่งใส
นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ของนายจรัส คุ้มไข่น้ำ ส.ส. ชลบุรี พรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา กรณีกรมการจัดหางานปล่อยให้การจัดส่งแรงงานไทยไปเก็บผลไม้ป่าที่สวีเดนและฟินแลนด์มากจนเกินไป รวมทั้งแรงงานที่ไปเก็บผลไม้ป่าไม่ได้รับการคุ้มครองดูแล และกรมการจัดหางานสร้างความน่าเชื่อถือให้เอกชนโดยจัดอบรมให้แรงงานก่อนไปเก็บผลไม้ป่า ขณะที่แรงงานที่ไปเก็บผลไม้ป่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องค่าจ้างและสวัสดิการ ว่า การที่แรงงานไทยจะได้ไปเก็บผลไม้ป่าที่สวีเดนและฟินแลนด์ จำนวนกี่คน ใครได้รับอนุญาตบ้างนั้นในแต่ละปีต้องประชุมร่วมกัน 3 ฝ่ายคือ สถานทูตไทยประจำประเทศฟินแลนด์และสวีเดนประเทศต้นทาง และกรมการจัดหางานเกี่ยวกับจำนวนแรงงานที่ต้องการจัดส่ง
“ประเทศต้นทางจะเป็นผู้อนุมัติและมีหนังสือขอจำนวนคนงานที่จะให้ไปเก็บผลไม้ป่า ซึ่งในปีที่ผ่านมาประเทศฟินแลนด์และสวีเดนแจ้งมายังประเทศไทยว่าปีนี้ผลผลิตเบอร์รี่ออกมาจำนวนมาก เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ไม่มีคนงานไปเก็บผลไม้ป่า ประกอบกับเกิดภาวะสงครามระหว่างยูเครน รัสเซีย ทำให้คนงานยูเครนไม่สามารถไปเก็บผลไม้ป่าได้ สวีเดนและฟินแลนด์ต้องร้องขอให้ประเทศไทยจัดส่งแรงงานมากขึ้นกว่าปกติ” อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว
ส่วนกรณีการคุ้มครองดูแลคนงานที่ไปเก็บผลไม้ป่า นายไพโรจน์ กล่าวว่า สำหรับประเทศฟินแลนด์ไม่มีสัญญาจ้างให้คนงาน เนื่องจากกฎหมายฟินแลนด์ไม่เอื้อ กรมการจัดหางานจึงผลักดันให้บริษัทผู้ประสานงานในประเทศไทยทำสัญญาจ้างงานให้คนงานไทยทุกรายก่อนเดินทางออกจากประเทศไทย และแจ้งให้สถานทูตฟินแลนด์ประจำประเทศไทยทราบ เพื่อยืนยันการปรับรูปแบบวิธีการให้เป็นรูปแบบนายจ้างในประเทศไทยขออนุญาตพาลูกจ้างไปทำงานในต่างประเทศ แต่สำหรับประเทศสวีเดน กฎหมายกำหนดให้บริษัททำสัญญาจ้างงานระหว่างนายจ้างกับคนงานได้ และหากบริษัทผู้ประสานในประเทศไทยผิดสัญญา กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจะเข้าไปตรวจสอบสัญญาจ้างตามกฎหมาย เพื่อให้การดูแลคนหางานอย่างครอบคลุม เข้มงวดยิ่งขึ้น
“เรื่องสวัสดิการกรมการจัดหางานได้กำหนดมาตรการให้บริษัทผู้รับซื้อผลไม้ป่าฟินแลนด์ / บริษัทผู้ประสานงานในประเทศไทยต้องจัดเตรียมสวัสดิการทั้งที่พัก ห้องน้ำ ห้องสุขา ห้องรับประทานอาหาร อุปกรณ์ของใช้ส่วนตัวและอุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 ให้คนงานไทยทุกคน รวมทั้งต้องทำประกันการเดินทาง ประกันอุบัติเหตุ และประกันสุขภาพและได้มีหนังสือแจ้งให้สถานทูตฟินแลนด์ประจำประเทศไทยทราบแล้” อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว
ส่วนเรื่องการประกันรายได้ นายไพโรจน์ กล่าวว่า ประเทศฟินแลนด์กำหนดให้บริษัทผู้รับซื้อผลไม้ป่าฟินแลนด์ / บริษัทผู้ประสานงานในประเทศไทย ต้องประกันรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายให้คนงานไทยโดยวางหลักประกันทางการเงิน ตามจำนวนที่กรมการจัดหางานกำหนด ณ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และหลังสิ้นสุดฤดูกาลต้องให้คนงานไทยมีรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 30,240 บาท ส่วนการประกันรายได้ของคนงานที่สวีเดน กรณีคนงานที่ไปทำงานที่สวีเดน สหภาพแรงงานของสวีเดนได้มีเงินประกันรายได้ให้คนงานคนละ 24,000 โครน คิดเป็นเงินไทยกว่า 80,000 บาท ทั้งนี้ หากรายได้คนงานไม่ถึงจำนวนดังกล่าว บริษัทผู้ประสานงานในประเทศไทยจะต้องรับผิดชอบในการจ่ายคนงานให้ครบ
อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวถึงส่วนประเด็นที่ระบุว่ากรณีกรมการจัดหางานสร้างความน่าเชื่อถือให้เอกชน โดยจัดอบรมให้แรงงานก่อนไปเก็บผลไม้ป่า ว่า ปกติแล้วกรมการจัดหางานจัดอบรมให้ความรู้แก่แรงงานไทยทุกคนก่อนเดินทางไปทำงานต่างประเทศทุกประเทศอยู่แล้ว อาทิ อิสราเอล ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เป็นต้น เพื่อให้แรงงานเรียนรู้ภาษา วัฒนธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ รวมถึงระเบียบข้อกฎหมายต่าง ๆ ของประเทศที่จะไปทำงาน เพื่อให้แรงงานปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้อง แต่สวีเดนและฟินแลนด์ บริษัทผู้ประสานงานในประเทศไทยเป็นผู้จัดอบรมเอง และบริษัทฯ เชิญข้าราชการกระทรวงแรงงานไปเป็นวิทยากรให้ความรู้แก่แรงงานด้วย ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชนตามที่ฝ่ายค้านระบุ
นายไพโรจน์ กล่าวว่า ปี 2565 บริษัทผู้ประสานงานในประเทศไทยได้จัดส่งคนงานไปเก็บผลไม้ป่าที่สวีเดนและฟินแลนด์กว่า 10,000 คน ในจำนวนนี้พบว่า มีแรงงานไทยที่มีปัญหาเรื่องรายได้ที่ได้ต่ำกว่า 30,000 บาท ประมาณ 375 คน ซึ่ง 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นแรงงานไทยที่เดินทางไปเก็บผลไม้ป่าครั้งแรก จึงยังไม่มีประสบการณ์ความชำนาญในการเก็บผลไม้ป่าจึงเก็บได้จำนวนน้อย ทำให้มีรายได้น้อย ซึ่งกรมการจัดหางานได้เชิญบริษัทผู้ประสานงานในประเทศไทยหารือเพื่อให้นำเงินประกันรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายที่บริษัทผู้ประสานงานในประเทศไทยวางหลักประกันไว้ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จ่ายเงินชดเชยให้แรงงานตามสัดส่วนครบทุกรายแล้ว
“กรมการจัดหางานขอยืนยันว่า ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของกรมการจัดหางานมุ่งมั่นทำงานเพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของคนไทยที่ไปทำงานต่างประเทศมาโดยตลอด และจากนี้จะยิ่งเพิ่มความเข้มงวด ในการตรวจติดตามการปฏิบัติของบริษัทนายจ้างในประเทศไทยต่อแรงงาน หากพบการเรียกรับค่าใช้จ่ายที่ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรมหรือสนับสนุนให้แรงงานก่อภาระหนี้สินจากเงินกู้นอกระบบและเครือข่ายผิดกฎหมาย ผู้เกี่ยวข้องทั้งระบบจะต้องได้รับโทษขั้นสูงสุด เพื่อประโยชน์ของคนไทยทุกคนที่ไปทำงานต่างประเทศ ตลอดจนคุ้มครองมิให้คนไทยตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์” อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว.-สำนักข่าวไทย