ผลสำรวจนักลงทุนต่างชาติยังเดินหน้าลงทุนไทย

กรุงเทพฯ  29 มิ.ย. – บีโอไอเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติในไทยปี 60 นักลงทุนร้อยละ 35.7  มีแผนจะขยายการลงทุนเพิ่มในไทย และอีกร้อยละ 62.5 ยังเดินหน้าลงทุนในไทยตามแผนเดิม ชู 3 ปัจจัยหลักตัดสินใจลงทุน ความพร้อมด้านอุตสาหกรรมสนับสนุน  โครงสร้างพื้นฐาน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี  


นางสาวบงกช อนุโรจน์ ที่ปรึกษาด้านการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึงผลการสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติในประเทศไทยประจำปี 2560  จาก 600 บริษัทที่ตอบแบบสอบถาม พบว่า นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย  โดยนักลงทุนต่างชาติร้อยละ 35.7 มีแผนที่จะขยายการลงทุนในประเทศไทย ซึ่งมีสัดส่วนสูงกว่าการสำรวจปี 2559 และ 2558 ที่มีสัดส่วนนักลงทุนที่ต้องการขยายการลงทุนอยู่ที่ร้อยละ 32.5 และ 25.2 ตามลำดับ ขณะเดียวกันนักลงทุนอีกร้อยละ 62.5 จะเดินหน้าลงทุนในไทยตามแผนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนนักลงทุนที่มีแผนปรับการลงทุนตามสภาวะธุรกิจมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 1.5 เท่านั้น

สำหรับปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนวางแผนจะขยายการลงทุน รวมทั้งยังคงเดินหน้าลงทุนในประเทศไทยตามแผนเดิม พบว่า ปัจจัยสำคัญ 3 ลำดับแรก คือ การมีซัพพลายเออร์ที่เพียงพอ ร้อยละ 50.9 ตามด้วยการมีโครงสร้างพื้นฐานที่เพียงพอร้อยละ 50.6 และมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่จูงใจให้เกิดการลงทุนในประเทศไทยร้อยละ 49.2


“ปัจจัยด้านอุตสาหกรรมสนับสนุนทั้งการมีซัพพลายเออร์ที่เพียงพอ และการมีผู้ผลิตชิ้นส่วนและวัตถุดิบที่เพียงพอ ถือเป็นจุดแข็งของประเทศไทย ขณะที่ปัจจัยด้านโครงสร้างพื้นฐานส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเร่งผลักดันโครงการลงทุนขั้นพื้นฐานของรัฐบาล และปัจจัยด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษีนั้นมาจากมาตรการส่งเสริมการลงทุนใหม่ ๆ ของบีโอไอ” นางสาวบงกช กล่าว

นอกจากนี้ การสำรวจยังสอบถามถึงความพึงพอใจต่อบริการของบีโอไอ พบว่า นักลงทุนส่วนใหญ่พึงพอใจต่อบริการที่ได้รับจากศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน และบริการจากศูนย์ประสานการบริการด้านการลงทุน หรือ  OSOS มากที่สุด ขณะที่สิ่งที่นักลงทุนต้องการให้รัฐบาลเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อเสริมสร้างบรรยากาศการลงทุนให้ดีขึ้น ได้แก่ ควรยกเลิกใบอนุญาตหรือกระบวนการต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็น ปรับปรุงระบบการศึกษาและการฝึกอบรมให้ตรงกับความต้องการของภาคธุรกิจ เป็นต้น

สำหรับผลสำรวจที่มาจากการสัมภาษณ์เชิงลึกรายบริษัทจาก 25 บริษัท พบว่า นักลงทุนต่างชาติในประเทศไทยแสดงความเห็นด้วยกับนโยบายและมาตรการทางเศรษฐกิจของภาครัฐ และคาดหวังว่านโยบายและมาตรการต่าง ๆ จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจให้ดีขึ้น นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติยังเห็นว่า รัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐสามารถให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากการนำระบบบริการออนไลน์มาใช้และบริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว หรือ One Stop Services ทำให้นักลงทุนได้รับความสะดวกสบายและลดต้นทุนในด้านเวลาและการเดินทาง.-สำนักข่าวไทย   


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง