กรุงเทพฯ 23 ส.ค. – หลังโหวตเลือกนายกฯ พบ 16 “งูเห่า” ปชป. แผลงฤทธิ์ แหกมติ หนุน “เศรษฐา” นั่งนายกฯ ด้าน สว. สาย “ลุงตู่” เทคะแนนให้ ขณะที่ สว. สาย “บิ๊กป้อม” พากันงดออกเสียง
สว. ที่ลงมติเห็นชอบ นายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี 152 เสียงนั้น พบว่า ส่วนใหญ่เป็น สส.สายทหาร ในฝั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม อาทิ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา น้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึง บรรดาเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ลงคะแนนหนุน นายเศรษฐา ขณะที่ สว.ในสายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส่วนใหญ่ลงมติ งดออกเสียง ให้นายเศรษฐา ขณะเดียวกัน พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ น้องชาย พล.อ.ประวิตร ไม่มาร่วมประชุม
นอกจากนี้ ยังมี สว. สายวิชาการ สายอดีตข้าราชการ นักธุรกิจ บางส่วน ลงมติงดออกเสียง นายเศรษฐา อาทิ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล, นายบุญทรง ไข่เกษ, น.ส.ปิยฉัฏฐ์ วันเฉลิม และ พล.อ.ต.เฉลิมชัย เครืองาม ส่วน สว. ที่ลงมติไม่สนับสนุน นายเศรษฐา 13 คน ส่วนใหญ่เป็นสายตัวตึงที่แสดงเจตนารมณ์ตั้งแต่แรก ไม่สนับสนุนนายเศรษฐา อาทิ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม, นายสมชาย แสวงการ และนายเสรี สุวรรณภานนท์
เปิด 16 งูเห่า “ประชาธิปัตย์” สวนมติ หนุน ‘เศรษฐา’ นายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการลงมติโหวตเลือกนายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี สส. พรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 16 คน โหวตสวนมติพรรค เพราะ ก่อนหน้านี้ที่ประชุมพรรคมีมติให้งดออกเสียง ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค ได้แก่
• พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ สส.สงขลา
• นางอวยพรศรี เชาวลิต สส.นครศรีธรรมราช
• นายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา
• นายศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง สส.สงขลา
• นางสาวสุภาพร กำเนิดผล สส.สงขลา
• นายยูนัยดี วาบา สส.ปัตตานี
• นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช
• ว่าที่ร.ท.ยุทธการ รัตนมาศ สส.นครศรีธรรมราช
• นายพิทักษ์เดช เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช
• นายจักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ สส.ประจวบคีรีขันธ์
• นางสุพัชรี ธรรมเพชร สส.พัทลุง
• นายชาตรี หล้าพรหม สส.สกลนคร
• นายทรงศักดิ์ มุสิกอง สส.นครศรีธรรมราช
• นายสมบัติ ยะสินธุ์ สส.แม่ฮ่องสอน
• นายกาญจน์ ตั้งปอง สส.ตรัง
• นายวุฒิพงษ์ นามบุตร สส.อุบลราชธานี
“ชวน” เปิดใจแทงสวนนายกฯ ย้ำจุดยืน ‘ไม่ทรยศคนใต้’
ขณะที่ นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรค กล่าวภายหลังการประชุมรัฐสภา ไม่น่าเชื่อว่า สส. ของพรรคจะโหวตออกมาอย่างนี้ เพราะเราต่อสู้กับพรรคเพื่อไทย มาตลอด 3-4 สมัย โดยเฉพาะภาคใต้ที่เขากลั่นแกล้งตัดงบประมาณ การพัฒนาพื้นที่ จนต้องทำหนังสือหลายฉบับถึง พล.อ.ประยุทธ์ ให้จัดงบมาทดแทนเพื่อชดเชยสิ่งที่เราขาดไป
การโหวตวันนี้ มิใช่การขัดต่อมติพรรค เเต่เป็นการย้ำจุดยืนไม่ทรยศคนใต้ เนื่องด้วยพฤติการณ์ในอดีตของรัฐบาลยุคทักษิณ – ยิ่งลักษณ์ มีการเลือกปฏิบัติต่อภาคใต้ รวมถึงการรณรงค์หาเสียงของพรรคเราโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ก็หยิบยกประเด็นนี้มาพูดจนคนใต้ไม่เลือกพรรคการเมืองของคนกลุ่มนี้ตลอดมา แต่ที่น่าตลก เพราะคนในกลุ่มนี้บางคน ขู่ตนไว้ว่า ตอนที่เขาจะไปร่วมว่าต้องทำตามมติพรรค หากใครไม่ทำตามมติพรรคต้องเอาออก วันนี้ตนไม่ได้ทำผิดมติพรรคแต่อย่างใด เพราะขออนุญาตที่ประชุมพรรคแล้วว่าจะขอไม่โหวตให้ และพรรคก็ได้มีมติ งดออกเสียง แต่วันนี้สิ่งนี้กลับย้อนไปที่ตัวเขาเองด้วยการขัดมติพรรคเสียเอง นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้โทรหา สส. ในกลุ่มดังกล่าว แต่ต่างปิดมือถือ และบางคนปฏิเสธให้สัมภาษณ์ โดยอ้างว่าไม่สะดวก
“จุรินทร์” ชี้เป็นเอกสิทธิ์หากลูกพรรคโหวตเป็นอื่น
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง แนวทางการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ โดยยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีมติ คือ การงดออกเสียง ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์และเป็นความเห็นส่วนใหญ่ภายในพรรค ส่วนภายในพรรคเห็นต่างด้วยกี่คนนั้น นายจุรินทร์ ระบุว่า ไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้ เพียงแต่ยอมรับว่า บางคนขอเป็นเอกสิทธิ์ ซึ่งที่ประชุมก็ไม่ขัดข้อง แต่ก็มีมติคือ งดออกเสียง ทั้งนี้ ส่วนตัวจะโหวตตามมติพรรค คือ การงดออกเสียง เพราะเคารพเสียงส่วนใหญ่ในพรรค
ส่วนแนวทางหลังจากนี้ของพรรคประชาธิปัตย์ จะวางบทบาทหรือว่าแนวทางการทำงานในสภาอย่างไร นายจุรินทร์ ระบุว่า ถ้าไม่เป็นรัฐบาล ก็เป็นฝ่ายค้าน ส่วนตัวก็เคยชี้แจงมาตั้งแต่ต้นแล้ว ว่า ในฐานะที่เป็นรักษาการหัวหน้าพรรคไม่เคยมอบหมายให้ใครไปเจรจาร่วมจัดตั้งรัฐบาล และ หากมีการจัดตั้งรัฐบาลเสร็จสิ้น ก็พร้อมไปทำหน้าที่ของพรรค เมื่อไม่เป็นรัฐบาลก็ต้องเป็นฝ่ายค้านในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล
“เฉลิม อยู่บำรุง” ไม่เข้าโหวต “เศรษฐา” นั่งนายกฯ
ส่วน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย งานนี้ไม่มาร่วมลงคะแนนโหวตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า เจ้าตัว ไม่สบายใจต่อการตัดสินใจทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย ในการจัดตั้งรัฐบาลที่ไปจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะมองว่าอาจจะทำให้ส่งผลต่อคะแนนนิยมในการเลือกตั้งครั้งต่อๆ ไป .-สำนักข่าวไทย