รัฐสภา 22 ส.ค. – มติรัฐสภา โหวต “เศรษฐา” เป็นนายกฯ คนที่ 30 เห็นชอบ 482 เสียง ไม่เห็นชอบ 165 เสียง งดออกเสียง 81 เสียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคล ซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ภายหลังจากที่ที่ประชุมได้เสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย และได้มีการเปิดให้สมาชิกทั้ง สส. สว. อภิปรายเกี่ยวกับคุณสมบัติของนายเศรษฐา กันอย่างกว้างขวาง เป็นเวลา 5 ชั่วโมง จากนั้นในเวลา 15.15 น. ได้เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการลงคะแนน ด้วยวิธีการขานชื่อสมาชิกรัฐสภาเรียงตามตัวอักษรทีละคนว่าเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบ
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ได้กดออดเพื่อเปิดให้สมาชิกแสดงตนในการลงคะแนน โดยมีองค์ประชุมทั้งสิ้น 705 คน ถือว่าครบองค์ประชุม จากนั้นได้เริ่มเข้าสู่การนับคะแนนในเวลา 15.24น.
ทั้งนี้ หากนายเศรษฐาจะได้รับการเห็นชอบจากรัฐสภาให้ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกฯ จะต้องได้รับเสียงสนับสนุนเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภาคือ 375 เสียงขึ้นไป จากสมาชิกฯทั้งหมดในขณะนี้ 747 เสียง
จากนั้นในเวลา 17.35 น. หลังจากการลงคะแนนของสมาชิกรัฐสภาแล้วเสร็จครบทุกคน นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ได้แจ้งผลการลงคะแนน ดังนี้ เห็นชอบ 482 เสียง โดยเป็นเสียง สส. 330 เสียง สว. 152 เสียง ไม่เห็นชอบ 165 เสียง งดออกเสียง 81 เสียง เป็นอันว่านายเศรษฐา ได้รับเสียงเห็นชอบมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่มีทั้งหมด ดังนั้นจึงถือได้ว่ามติที่ประชุมเห็นชอบนายเศรษฐา เป็นบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 โดยบรรดาสมาชิกรัฐสภาได้ลุกขึ้นปรบมือกันทั่วรัฐสภา จากนั้นนายพรเพชร ได้สั่งปิดประชุมในเวลา 17.40 น.
สำหรับขั้นตอนต่อจากนี้ รัฐสภาจะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง อย่างไรก็ตาม สำหรับขั้นตอนหลังโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีแล้ว จะต้องดำเนินการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) และให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีตรวจสอบคุณสมบัติบุคคลก่อนเสนอตามขั้นตอนเพื่อโปรดเกล้าฯ ครม. โดยนายกรัฐมนตรี พร้อม ครม.ชุดใหม่ ที่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ต้องกลับมาแถลงนโยบายรัฐบาลต่อสภาฯ ภายใน 15 วัน . – สำนักข่าวไทย