กรุงเทพฯ 21 ส.ค.-กรมธุรกิจพลังงาน เผยภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงครึ่งปีแรกของปี 2566 (เดือนมกราคม – มิถุนายน) เฉลี่ยอยู่ที่ 156.74 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 2.7 คาดครึ่งปีหลังใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 2 จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการปรับตัวของธุรกิจที่พึ่งพาการขนส่งมากขึ้น
นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เผย ครึ่งปีแรก การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยอยู่ที่ 31.96 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5.9 การใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล เฉลี่ยอยู่ที่ 72.30 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3.7 เนื่องด้วยปัจจัยด้านราคา ขณะที่ภาครัฐยังคงมาตรการช่วยเหลือราคาน้ำมันดีเซลอย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 5 บาท/ลิตร สิ้นสุดลงในวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 ได้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2566 การใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยอยู่ที่ 13.45 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 80.9 จากการฟื้นตัวของการเดินทางทางอากาศภายหลังสถานการณ์ โควิด-19 คลี่คลายการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เฉลี่ยอยู่ที่ 17.69 ล้านกก./วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 1.4 โดยส่วนใหญ่มาจากการใช้ลดลงในภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมีร้อยละ 4.2
คาดครึ่งปีหลัง การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 2 จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการปรับตัวของธุรกิจที่พึ่งพาการขนส่งมากขึ้น โดยน้ำมันกลุ่มเบนซินปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 น้ำมันดีเซลปรับลดลงร้อยละ 1.9 น้ำมัน JET A1 ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.6 และ LPG เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7
นอกจากนี้ กรมคาดว่าการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยปี 2566 ในภาพรวมยกเว้นน้ำมัน JET A1 จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติหลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ โควิด-19 เนื่องจากธุรกิจการบินอยู่ระหว่างการฟื้นฟู และการเติบโตของเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยลดการเดินทางไกล
สำหรับการแก้ไขปัญหาระบบการค้าและความปลอดภัยก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ภาคครัวเรือน หรือ (ก๊าซหุงต้ม) กรมธุรกิจพลังงานโดยคณะทำงานแก้ไขปัญหาก๊าซปิโตรเลียมเหลวในภาคครัวเรือน ได้จับมือร่วมกับภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องทั้งห่วงโซ่อุปทาน เพื่อกำหนดมาตรการร่วมกัน ประกอบด้วย
1. กำหนดมาตรฐานและคุณภาพถังก๊าซหุงต้ม
2. มาตรการด้านกฎหมายความปลอดภัยโรงบรรจุและร้านจำหน่าย
3. มาตรการด้านกฎหมายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประสานความร่วมมือสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และกรมทรัพย์สินทางปัญญา (ทป.) จัดทำขั้นตอนการดำเนินการเมื่อพบถังไม่ได้คุณภาพ
4. การร้องเรียนและการสื่อสารประชาสัมพันธ์ จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ อยู่ระหว่างหารือผู้ค้าฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการจัดตั้ง Hotline รับเรื่องร้องเรียน คาดจะเริ่มดำเนินการภายในเดือนกันยายน2566
5. การเพิ่มประสิทธิภาพการเรียกเก็บและการซ่อมถังก๊าซหุงต้ม
6. การแก้ไขปัญหาการลักลอบเติมถังก๊าซหุงต้มในสถานีบริการ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและลดการกระทำผิด กรมได้กำหนดอัตราปรับเต็มขั้น และกำชับพนักงานเจ้าหน้าที่ประจำพื้นที่ออกตรวจตราเข้มข้นมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย