พาณิชย์เดินหน้าช่วยเกษตรกรปลูกข้าวโพด

นนทบุรี  27 มิ.ย. – ปลัดพาณิชย์มั่นใจดูแลเกษตรกรปลูกข้าวโพดเต็มที่ ยันเป็นช่วงปลายฤดูผลผลิตเริ่มน้อย แต่ได้สั่งการพาณิชย์จังหวัดประสานโรงงานรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเกษตรกรทุกพื้นที่แล้ว


น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทั่วประเทศ หลังจากกลุ่มเจริญโภคภัณฑ์อาหาร (ซีพี) แหลมทอง และลีพัฒนา หยุดรับซื้อข้าวโพดจากเกษตรกรตั้งแต่วันที่  23 มิถุนายนที่ผ่านมา ว่า  เท่าที่ได้รับรายงานเวลานี้ปริมาณข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อยู่ในมือเกษตรกรไม่มาก หากเกษตรกรรายใดยังมีข้าวโพดสามารถนำไปขายให้กับโรงงานอาหารสัตว์ที่อยู่ในพื้นที่ของตนเองได้ โดยสั่งการให้พาณิชย์จังหวัดในเขตพื้นที่ที่มีโรงงานอาหารสัตว์ขอความร่วมมือให้ช่วยรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเกษตรกรได้ทันทีอย่างน้อยจังหวัดละ 1 โรงงาน โดยโรงงานอาหารสัตว์ส่วนใหญ่ยินดีที่จะรับซื้อข้าวโพดจากเกษตรกร หากพื้นที่ใดปฎิเสธการรับซื้อแบบไม่มีเหตุสามารถแจ้งให้พาณิชย์จังหวัดนั้น ๆ รับทราบ หรือร้องเรียนมายังกระทรวงพาณิชย์ หรือสายด่วน 1569 ของกรมการค้าภายในก็ได้

ทั้งนี้ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปีนี้ช่วงปลายฤดูราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 8.40-8.50 บาทต่อกิโลกรัม หากเป็นช่วงผลผลิตออกมามากจะอยู่ที่ 8 บาทต่อกิโลกรัม ดังนั้น ปีนี้จึงไม่ค่อยมีปัญหาผลผลิตล้นตลาด ซึ่งแนวทางของรัฐบาลพยายามส่งเสริมให้เกษตรกรลดพื้นที่การเพาะปลูกและหันมาปลูกพืชส่วนผสมเพื่อลดปัญหาผลผลิตล้นตลาดและบางพื้นที่ได้ปฎิบัติตามแนวทางดังกล่าว ซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรด้านต่าง ๆ รวมถึงการใช้แนวทางการรักษาคุณภาพสินค้าเกษตรให้ได้มาตรฐาน การหาตลาดและการเชื่อมโยงตลาดที่กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการมาแล้วอย่างต่อเนื่อง


ส่วนความคืบหน้าล่าสุดการเปิดประมูลข้าวเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนที่เปิดประมูลเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาจากจำนวน 2.2 ล้านตัน เสนอซื้อเข้ามามากกว่า 2 ล้านตัน ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการอนุระบายข้าวอนุมัติให้ขายข้าวในล็อตดังกล่าวแล้ว คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะนำเสนอพลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว หรือ นบข.เห็นชอบอนุมัติขายต่อไป

ทั้งนี้ จะทำให้สตอกข้าวเหลือประมาณ 800,000ตันเท่านั้น แบ่งเป็นข้าวคุณภาพเพื่อการบริโภคในกลุ่ม 1 จำนวน  160,000 ตัน ที่จะนำมาประมูลครั้งที่ 3 เดือนกรกฎาคมนี้ และข้าวเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน อีกประมาณ 200,000 ตัน และข้าวเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ อีก 500,000 ตัน โดยจะครบเปิดประมูลทั้ง 3 รอบ ใน 3 กลุ่ม ซึ่งจะต้องดูตัวเลขปริมาณข้าวทั้ง 3 กลุ่มที่เหลือเท่าไหร่และนำเสนอให้ นบข.ทราบในช่วงการประชุมเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อจะได้แนวทางระบายข้าวแต่ละกลุ่มที่ชัดเจน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง