พัทลุง 12 ส.ค. – ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ตามรวบเครือข่ายฟอกเงิน เอี่ยวขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ทางภาคใต้ ผู้ต้องหาอ้างรับซื้อที่ดินจากพี่สาว ไม่เกี่ยวยาเสพติด
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) จับกุม น.ส.เขมจิรา อายุ 39 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทลุงที่ 311/2566 ลงวันที่ 7 สิงหาคม 2566 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกัน โอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินเกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อน หรือปกปิกแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะ หรือหลังการกระทำความผิดมิให้ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลงในความผิดฐาน หรือกระทำการด้วยประการใดๆ เพื่อปกปิดหรืออำพลางลักษณะที่แท้จริงการได้มาแหล่งที่ตั้ง การจำหน่าย การโอน การได้สิทธิใดๆซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และการได้มา การครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สิน โดยรู้ในขณะที่ได้มาครอบครอง หรือให้ทรัพย์สินนั้นว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำซึ่งเป็นความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงิน หรือจากการสนับสนุนหรือช่วยเหลือการกระทำซึ่งเป็นความผิดมูลฐาน หรือความผิดฐานฟอกเงิน และให้รวมถึงเงินหรือทรัพย์สินที่ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ หรือสนับสนุนการกระทำความผิด”
จับกุมได้บริเวณบ้านหลังหนึ่งใน ม.1 ต.ชะรัด อ.กงหรา จ.พัทลุง สืบเนื่องจากเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ.2561 เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ตำรวจ ทหาร ปกครอง ได้ร่วมกันจับกุมนายอรรถชัย อายุ 27 ปี พร้อมของกลางไอซ์ 8 กิโลกรัม บรรจุในถุงใบชาจำนวน 8 ถุง ยาบ้า 60,000 เม็ด จำนวน 6 ห่อ ซ่อนอยู่ในรถกระบะ บริเวณลานจอดรถห้างสรรพสินค้า ในพื้นที่ ต.สิชล อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ขณะที่ผู้ต้องหามารับยาเสพติด ส่วนรถคันมาส่งหลบหนีไป จากนั้นได้ทำการสืบสวนขยายผลไปยังพื้นที่ อ.กงหรา จ.พัทลุง ตรวจค้นบ้านพัก ในพื้นที่ต.ชะรัด อ.กงหรา จ.พัทลุง ได้ของกลางเป็นยาบ้า จำนวน 1,240,000 เม็ด และยาไอซ์อีก 1 กิโลกรัม พร้อมจับกุมตัวนายวรวิทย์ อายุ 43 ปี ในครั้งนั้นเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติดได้ควบคุมตัว น.ส.เขมจิรา ไปด้วย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเชื่อว่า น.ส.เขมจิรา ผู้ต้องหา มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับขบวนการค้ายาเสพติด ต่อมา น.ส.เขมจิรา ต่อสู้คดีและศาลจังหวัดพัทลุงได้พิจารณายกฟ้องในชั้นอุธรณ์
ต่อมาปี พ.ศ.2565 เจ้าพนักงานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.เขมจิรา หรือชื่อเดิม น.ส.อัจฉรี พร้อมพวก ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน ตาม ม.5 และมีบทกำหนดโทษ ตาม ม.60 แห่ง พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 จึงอาศัยอำนาจตามความใน ม.40(3) และ(5)ประกอบ ม.41 แห่งพรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ตามกฎหมาย ต่อมาพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดพัทลุงและศาลจังหวัดพัทลุงได้อนุมัติหมายจับดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปราม ได้ทำการสืบสวนทราบว่า น.ส.เขมจิรา ผู้ต้องหาตามหมายจับได้มาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ ม.1 ต.ชะรัด อ.กงหรา จ.พัทลุง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินทางเข้าตรวจสอบ พบ น.ส.เขมจิรา อาศัยอยู่ที่บริเวณบ้านหลังหนึ่ง จึงเข้าจับกุมตัว น.ส.เขมจิรา ตามหมายจับของศาลจังหวัดพัทลุง จากนั้นเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง จ.พัทลุง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การว่าตนไม่มีส่วนรู้เห็นกับขบวนการค้ายาเสพติดแต่อย่างใด ส่วนทรัพย์สินเป็นที่ดินที่มีการรับ-โอนกันนั้น ตนได้รับโอนมาจากพี่สาว ซึ่งพี่สาวได้ติดหนี้นอกระบบจำนวนหลายแสนบาท ตนจึงไปกู้เงินจากธนาคารในพื้นที่มาเพื่อรับซื้อที่ดินดังกล่าวไว้เป็นของตนในราคา 800,000 บาท ซึ่ง น.ส.เขมจิรา อ้างว่าไม่ได้ใช้เงินจากขบวนการค้ายาเสพติดแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย