กรุงเทพฯ 7 ส.ค. -ตลท.มองเห็นแสงสว่าง หลายปัจจัยบวกเริ่มเด่นชัด นักลงทุนลุ้นการเมืองชัดเจน ดึงดูดการลงทุนเข้าประเทศ หวั่นเศรษฐกิจจีนชะลอตัว
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวว่า ภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์เดือนกรกฏาคม 2566 ปรับตัวดีขึ้นร้อยละ 3.5 เทียบกับเดือนมิถุนายน สะท้อนภาพรวมดีขึ้นหลายด้าน ดัชนีหุ้นไทยเริ่มดี หากการเมืองมีความชัดเจน นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายในการประชุมรอบล่าสุดนี้ หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปลดลงไปแตะร้อยละ 3 ในเดือนก่อนหน้า ตัวเลขการจ้างงานดีขึ้น จากการว่างงานร้อยละ 3.6 นับว่าต่ำมาก เมื่อเทียบกับร้อยละ 5.0 นักลงทุนเริ่มคลายความกังวลปัญหาเศรษฐกิจสหกรัฐถดถอย
ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) รายงานว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน มีแนวโน้มขยายตัวลดลงมาที่ร้อยละ4.6 ในปี 66 และขยายตัวร้อยละ 4.9 ในปี 67
หากพิจารณาจากอัตราส่วน Forward PE ของ SET Index ค่อนข้างต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ทำให้ผู้ลงทุนบุคคลและสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 6 เดือนต่อเนื่อง ADB ประกาศปรับเพิ่ม GDP ของไทยในปี 66 ล่าสุดขยายตัวร้อยละ 3.5 จากเดิมคาดการณ์ขยายตัวร้อยละ 3.3 ในช่วงเดือนเมษายน 66 เป็นเพียงประเทศเดียวในอาเซียน ที่ปรับเพิ่มจีดีพี สำหรับค่า P/E ของตลาดหุ้นไทย 17.04 เท่า นับว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
อีกทั้งต่างชาติเริ่มทยอยกลับเข้ามาลงทุนในประเทศไทย สัดส่วนการลงทุนของนักลงทุต่างชาติรายวัน ร้อยละ 51 มูลค่า 5.9 แสนบัญชีต่อวัน ขณะที่การลงทุนก่อนปัญหาโควิด-19 มีจำนวน 3.5 แสนบัญชี นับว่าเริ่มมีความเด่นชัดมากขึ้น สิ่งที่นักลงทุนกังวล แม้ธนาคารกลางจีนต้องลดดอกเบี้ยนโยบายลง การออกมาตรการกระตุ้นฟื้นฟูและเพิ่มการบริโภคในภาคยานยนต์ อสังหาริมทรัพย์ และภาคบริการ อาจส่งผลบวกต่อบริษัทจดทะเบียนไทยในอนาคต แต่เศรษฐกิจจีนยังไม่เข้มแข็งมากนัก
ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2566 SET Index ปิดที่ 1,556.06 จุด ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 จากเดือนก่อนหน้า และปรับลดลงร้อยละ 6.7 เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อนหน้า
ในเดือนกรกฎาคม 2566 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2565 ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี และ กลุ่มการเงิน มูลค่าเฉลี่ยซื้อขายต่อวัน 46,000 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า 25.3% โดยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน 7 เดือนแรกปี 2566 อยู่ที่ 56,873 ล้านบาท ทั้งนี้ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นเดือนที่ 6 โดยในเดือนกรกฎาคม 2566 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 12,558 ล้านบาท
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า กรณี ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับสำนักงาน ก.ล.ต. เตรีมปรับปรุงเงื่อนไข การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai และ SET เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เพราะขณะนี้ ผู้ประกอบการมีทางเลือกให้ระดมทุนผ่าน 3 ตลาด หากเป็นรายย่อยที่เริ่มทำธุรกิจ เช่น วิสาหกิจขนาดกลาง (SME) หรือวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ให้ระดทุนทุนผ่าน ตลาดหลักทรัพย์ LiVe Exchange (ตลาดหลักทรัพย์ ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์) เมื่อแข็งแรงเติมโตขึ้น ระดมทุนผ่านตลาด mai และเมื่อขยายกิจการเติบโต ให้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET การร่วมพัฒนากฎเกณฑ์ ร่วมกับ สำนักงาน ก.ล.ต. เมื่อมีความชัดเจนจะประกาศให้ทราบอีกครั้ง
สำหรับแผนกระตุ้นการซื้อขายให้เพิ่มขึ้น ยอมรับว่า นักลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนการซื้อขายมากที่สุดใน SET เพราะกองทุนต่างชาติซื้อขาย ลงทุนอย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับการลงทุนของรายย่อย โดยนักลงทุนรายย่อยในประเทศยังจำนวนเท่าเดิม แต่เริ่มมีสัดส่วนน้อยลง เมื่อเทียบกับการลงทุนโดยรวมในตลาด ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงต้องสร้างนักลงทุนกลุ่มใหม่ ยอมรับว่าบัญชีใหม่ จะเป็นบัญชีการลงทุนขนาดเล็ก ยังสู้กับสัดส่วนนักลงทุนสถาบันไม่ได้ แต่ต้องการเดินหน้าสร้างความหลากหลาย เพื่อให้มีนักลงทุนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ มากขึ้น
ทั้งนี้ คาดการณ์ทั้งปี ในภาพรวมความเสี่ยงลดลง หากมีความชัดเจน เงินทุนต่างชาติจะเริ่มไหลกลับเข้าไทย ยอมรับว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ในกลุ่มเดียวกันบางรายฟื้นตัว บางรายยังมีปัญหา รายได้ไม่เป็นไปตามคาดการณ์ แต่ละรายฟื้นตัวไม่เท่ากัน นักลงทุนจึงเอาใจช่วยให้มีการจัดตั้งรัฐบาลอย่างรวดเร็ว จะได้กำหนดนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และการจัดทำงบประมาณได้อย่างชัดเจน
นายภากรกล่าวอีกว่า ยังชักชวนนักลงทุน ร่วมงาน Thailand Focus จัดขึ้นระหว่าง 21-25 สิงหาคมนี้ จัดในธีม นำเสนอ ซอร์ฟเพาเวอร์ เพราะเป็นเศรษฐกิจที่เข้มแข็งของไทย ได้เชิญผู้บริการหน่วยงานรัฐ ภาคเอกชนไทย มาร่วมบรรยายในงาน เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติได้รับทราบ สำหรับการระดมทุน IPO ยอมรับว่ามีความเสี่ยงไปตามสถานการณ์ ดังนั้น บริษัทที่ปรึกษา และบริษัทจดทะเบียน ต้องประเมินสถานการณ์ การกำหนดราคา ให้สอดคล้องกับผลประกอบการและสถานการณ์ ในส่วนของตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมให้ข้อมูล โอกาสในการทำกำไรของนักลงทุนเพื่อนำมาวิเคราะห์ ตัดสินใจลงทุน ยอมรับว่าขณะนี้ตลาดทั่วโลกมีความผันผวน จึงต้องระวังการลงทุน.-สำนักข่าวไทย