สุราษฎร์ธานี 25 มิ.ย.- ทรัพยากรธรณีเขต 4 สุราษฎร์ธานีพิสูจน์หาสาเหตุดินสวนปาล์มยุบตัวขนาดใหญ่ลึกกว่า 5 เมตร โค่นปาล์มกองในหลุม และลามสวนยางใกล้เคียง คาดเกิดจากร่องน้ำเก่าในหุบเขา
สภาพพื้นที่สวนปาล์มของนายนิพจน์ ปลอดภัย อายุ 45 ปี ชาวบ้านหมู่ 11 ต.ไทรขึง อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี เกิดเป็นหลุมวงใหญ่กว้างเกือบ 10 เมตร ลึกกว่า 5 เมตร และมีต้นปาล์มล้มอยู่ รวมทั้งร่องน้ำกว้างประมาณ 2-3 เมตร ลึก 5 เมตร แล้วค่อยลดหลั่นความลึกและความสูงลงไปจนถึงท้ายสวนปาล์ม ระยะความยาว 500 เมตร ซึ่งได้มีน้ำไหลรินอยู่ตลอดเวลา
นายนิพจน์ กล่าวว่า อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวมาตั้งแต่เกิด ก่อนหน้านี้พื้นที่เป็นเนินสูงและได้ปลูกปาล์มน้ำมันจำนวน 14 ไร่ เมื่อปาล์มมีอายุ 9 ปี เริ่มสังเกตเห็นตาน้ำขนาดเล็กผุดขึ้นที่ท้ายสวน ซึ่งอยู่ติดกับลำห้วยเล็ก ๆ จากนั้นน้ำดังกล่าวได้ไหลออกมาตลอดเวลา โดยมีตะกอนทรายสีขาวขุ่นไหลออกมาด้วยอย่างต่อเนื่อง กระทั่งดินยุบตัวมีลักษณะเหมือนลำธารและยุบตัวไปเรื่อย ๆ จนเป็นทางยาว พอผ่านไป 3 ปี การยุบตัวขยายมากขึ้นกลายเป็นลำธารขนาดใหญ่และยุบเป็นวงกว้างในสวนปาล์ม อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อสวนยางพาราใกล้กันที่ปลูกยางอายุ 3 ปี จำนวน 8 ไร่ ทำให้ต้นปาล์ม ต้นยางพารา โค่นล้มไปกองอยู่ในลำธาร ส่วนทางด้านท้ายสวนที่มีทรายกองจนกลายเป็นหาดทรายขนาดใหญ่ได้ทับถมโคนต้นยางพาราจนเกิดการยืนต้นตายเป็นจำนวนมาก
นายนิพนธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรณีเขต 4 สุราษฎร์ธานี เข้ามาสำรวจและแจ้งว่าสาเหตุของดินทรุดเกิดจากร่องน้ำเก่าในหุบเขาที่ในอดีตตะกอนดินพังทลายลงมาจากเนินเขาและถูกพัดพามาสะสมตัวในร่องน้ำ ขณะที่ยังมีน้ำไหลอยู่ใต้ชั้นตะกอนดินดังกล่าว โดยน้ำพัดพาตะกอนดินส่วนล่างออกไปจากร่องน้ำ ทำให้ตะกอนดินส่วนบนทรุดตัวลง เมื่อเข้าสู่หน้าฝน ปริมาณน้ำใต้ดินเพิ่มขึ้น ทำให้การพังทลายของดินเร็วขึ้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้กั้นเขตรอบบริเวณดินทรุด เพื่อความปลอดภัย และเฝ้าระวังพื้นที่ในรัศมี หากมีความเสี่ยงทรุดตัวได้อีก ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที.-สำนักข่าวไทย