สุราษฎร์ธานี 22 ต.ค.- ที่ปรึกษาสมาคมสวนปาล์มสุราษฎร์ธานียินดีกับมติยกเลิกใช้สารเคมีทางการเกษตร 3 ชนิด เชื่อช่วงแรกมีผลกระทบบ้างแค่ระยะสั้น แต่คุ้มระยะยาว ส่วนเจ้าของสวนแตงโมอินทรีย์บ้านทุ่งอ่าวขอบคุณรัฐบาลที่เล็งเห็นความปลอดภัยเกษตรกร ยกเคสตัวเองหลังเลิกใช้มากว่า 10 ปี สุขภาพดีขึ้น
นายสุมาตร อินทรมณี ที่ปรึกษาสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมัน จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยภายหลังที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายวันนี้ (22 ต.ค.) มีมติยกเลิกการใช้สารเคมีทางการเกษตร 3 ชนิดว่า ต้องขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ช่วยกันผลักดันจนสามารถยกเลิกการสารเคมีทั้ง 3 ชนิดได้ เนื่องจากที่ผ่านมาสารดังกล่าวสะสมอยู่ในดิน และแหล่งน้ำของประเทศไทยมานาน และการยกเลิกการใช้นั้นอาจมีผลกระทบบ้างในระยะสั้น ซึ่งเป็นหน้าที่ของกรมวิชาการเกษตรที่จะต้องหาแนวทางแก้ไข เช่น การนำสารเคมีตัวอื่นที่ไม่มีตกค้าง และที่สำคัญต้องราคาไม่แพง เพื่อช่วยลดต้นทุนให้เกษตรกรที่ยังจำเป็นต้องใช้
นายสุมาตร กล่าวว่า ในส่วนของสวนปาล์มและสวนยางพาราที่มีอายุมากกว่า 3 ปี ไม่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกสารเคมีทั้ง 3 ชนิด เนื่องจากพืชทั้ง 2 ชนิด เมื่อเจริญเติบโตจนมีร่มเงาก็จะไม่มีวัชพืชไปโดยปริยาย แต่อาจมีปัญหาบ้างในส่วนของยาง และปาล์มที่มีอายุไม่เกิน 3 ปี ซึ่งที่ผ่านมาทางสมาคมได้รณรงค์ให้สมาชิกใช้สารอินทรีย์มาใช้ทดแทน และใช้ทางปาล์มที่ตัดแต่งมาคลุมหน้าดิน เพื่อลดปัญหาวัชพืชไปก่อนหน้านี้แล้ว และเป็นที่ตอบรับอย่างดี ส่วนเกษตรกรอื่น เช่น สวนผลไม้ ในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ต่างก็ปรับเปลี่ยน ลด ละ เลิกใช้ สารฆ่าวัชรพืชก่อนหน้านี้เช่นกัน เนื่องจากส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืชยืนต้น
ด้านนายสองเมือง พ่วงจินดา อายุ 52 ปี เกษตรกรสวนฝรั่งและแตงโม สมาชิกชมรมแตงโมปลอดสารพิษ บ้านทุ่งอ่าว ต.ศรีวิชัย อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ดีใจมากที่รัฐบาลเล็งเห็นถึงความปลอดภัยของเกษตรกรและผู้บริโภคจนนำไปสู่สารพิษทั้ง 3 ชนิด เนื่องจากตนมีประสบการณ์ตรงในการใช้สารเคมี โดยเฉพาะกลุ่มกำจัดวัชพืชมานานกว่า 12 ปี ซึ่งต่อมาตนมีอาการป่วยและเข้ารับการรักษาและพบว่ามีสารพิษตกค้างในเลือด หากไม่ได้รับการรักษาก็อาจจะเสียชีวิตไปแล้ว ต่อมา จึงได้เข้าร่วมโครงการลดละเลิกใช้สารเคมีที่มีผลตกค้าง และเลิกใช้สารเคมีทุกชนิดมานานกว่า 2 ปีแล้ว และทำให้สุขภาพของตนดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย