กรุงเทพฯ 25 ก.ค.-“ร.อ.ธรรมนัส” แนะอย่าให้ความสำคัญวลีช่วงหาเสียง แค่สาดโคลนหวังชนะเลือกตั้ง ให้คิดถึงประโยชน์ประเทศ-ปชช. ย้ำจุดยืนไม่ร่วมงานพรรคแก้ม.112 เผย “พล.อ.ประวิตร” ห่วงแตกแยกทำการเมืองสะดุด
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ฐานะประธานผู้ประสานงานส.ส.พปชร. กล่าวถึงกรณีที่มีผู้เสนอให้ชะลอการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีออกไป 10 เดือน เพื่อรอให้ส.ว.หมดวาระ ว่า หลังการเลือกตั้งมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยจะต้องมีรัฐบาล ถ้าจะให้รอไปอีก 10 เดือน ตนว่าไม่ใช่สาระสำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดคือ จะต้องรีบจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้น หากวันที่ 27 กรกฎาคมนี้มีการโหวตนายกรัฐมนตรีตามกำหนดเดิม พรรคพลังประชารัฐมีจุดยืนชัดเจนมาโดยตลอดว่าต้องดูว่าพรรคร่วมรัฐบาลประกอบด้วยพรรคอะไรบ้างและมีอุดมการณ์ นโยบายหรือแนวทางอย่างไรบ้าง หากพรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคที่มีนโยบายไม่ตรงหรือขัดกับแนวทางของพรรคพลังประชารัฐ เราก็ไม่โหวตให้ ไม่ว่าจะเป็นพรรคก้าวไกลหรือพรรคใดก็ตาม
“ไม่ใช่เฉพาะเรื่องมาตรา 112 เราพยายามจะชี้ให้สังคมเห็นว่า พรรคพลังประชารัฐเรามีอุดมการณ์ มีนโยบายของพรรคชัดเจนว่า เราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง ดังนั้น พรรคการเมืองใดก็ตามที่เรามองเห็นเป็นประจักษ์แล้วว่า เมื่อร่วมงานกันแล้วจะเกิดความขัดแย้งแน่นอน จะทำให้สังคมแตกแยกอย่างรุนแรง เราจะไม่ร่วมงานอย่างเด็ดขาด” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
ส่วนหากพรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคพลังประชารัฐอาจจะก่อให้เกิดความขัดแย้งและการชุมนุมเช่นกัน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เชื่อว่าประวัติศาสตร์ของประเทศไทยสอนให้คนไทยได้เรียนรู้ การที่เราไม่ยอมรับสภาพความเป็นจริงในสังคม เราจะเดินแบบสุดโต่ง มันจะเกิดความแตกแยก เกิดความเสียหายกับบ้านเมืองรวมถึงประชาชน และการที่สังคมออนไลน์ได้เผยแพร่คลิปพรรคเพื่อไทยในช่วงหาเสียงว่า จะไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ มองว่าตอนหาเสียงอย่าไปมองที่พรรคเพื่อไทยพรรคเดียว แต่ละพรรคก็พยายามสาดโคลนเข้าหากันเพื่อให้ตัวเองได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง จึงถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้ถือเป็นสาระสำคัญสำหรับการเมือง ที่เราเล็งเห็นคือ ประชาชนได้ประโยชน์อะไร
“ผมต้องถามว่า วลี คำว่ามีลุงไม่มีเรา พี่น้องประชาชนได้ประโยชน์อะไร การที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ท่านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาเป็นหัวหน้าพรรค อยากให้ดูผลงานที่ท่านสร้างไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความมั่นคง เรื่องการแก้ไขปัญหาที่ดิน เรื่องน้ำ ล้วนแล้วแต่คำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศชาติบ้านเมือง และพี่น้องประชาชน ขณะเดียวกัน ท่านเป็นรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลเรื่องความมั่นคง ท่านก็เป็นห่วงบ้านเมืองว่าจะเกิดความแตกแยก และอาจจะมีปัจจัยอื่นเข้ามาแทรกแซงการเมืองไทยก็จะสะดุด.-สำนักข่าวไทย